เอเอฟพี - ตุรกีออกมาระบุในวันนี้ (9 ต.ค.) ว่าไม่ควรคาดหวังให้พวกเขาเป็นผู้นำสำหรับปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้าสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย หลังจากมีแรงกดดันของชาติตะวันตก
"การที่ตุรกีจะเป็นผู้นำในการส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินด้วยตัวเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะคาดหวังได้ในสถานการณ์จริง" เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี กล่าวในการแถลงข่าว ระหว่างการไปเยี่ยม เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่ของนาโต้
ตุรกีที่เป็นชาติสมาชิกของนาโต้กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ใช้กำลังทหารเข้าต่อต้านกลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่ถึงกระนั้นตุรกีก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ แม้ว่าจะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐบาลตุรกีเคยพูดไว้ว่า จะใช้ปฏิบัติการทางทหารก็ต่อเมื่อมีการร่วมมือกันของนานาชาติเพื่อขับไล่ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย กับการต่อต้านกลุ่มไอเอสที่มุ่งจะยึดครองเมืองโคบานีใกล้กับชายแดนตุรกี
คาวูโซกลู บอกว่า สันติภาพที่แท้จริงไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากไม่มีการขับไล่ "อัสซาดและรัฐบาลของเขา"
เขากล่าวอีกว่า การโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ นั้นยังไม่เพียงพอที่จะนำความสงบมาสู่ซีเรีย และควรที่จะพิจารณาใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินโดยร่วมมือกับกบฏซีเรียที่ต่อต้านกลุ่มไอเอส
"การโจมตีทางอากาศสามารถปรับสมดุลย์อำนาจในการสู้รบและหยุดยั้งไอเอสได้ แต่มันไม่เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกไอเอสให้หมดไปจากภูมิภาคนี้" คาวูโซกลู กล่าว
"ยังมีทางเลือกอื่นๆ อย่างเช่น พิจารณาเรื่องปฏิบัติการภาคพื้นดิน รวมถึงให้การสนับสนุนแก่กลุ่มกองทัพปลดแอกซีเรีย" เขากล่าวถึงกองกำลังฝ่ายกบฏที่ต่อต้านอัสซาด
ด้านประธานาธิบดีตุรกี "เรเซป ไตยิป เออร์โดกัน" เคยระบุว่า จะต้องมีการสร้างพื้นที่ "เซฟโซน" สำหรับผู้ลี้ภัยพร้อมด้วยเขตห้ามบินในซีเรีย หากต้องการให้ตุรกีใช้ปฏิบัติการทางทหารที่นั่น
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการใหญ่นาโต้ บอกว่า การถามตอบเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่กันชนในซีเรีย ยังไม่ได้ถูกนำมาพูดคุยกันในหมู่ชาติสมาชิกนาโต้ในเวลานี้
สโตลเทนเบิร์ก สร้างแรงกดดันให้กับตุรกี ด้วยการกล่าวว่า เหล่านักรบญิฮัดไอเอสถือเป็นภัยคุกคามต่อชาวอิรัก ชาวซีเรีย รวมถึงชาติอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
"มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องสมัครสมานกัน นาโต้พร้อมจะให้การสนับสนุนชาติพันธมิตรทุกรายที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคาม" เขากล่าว