เอเอฟพี - แคนาดาแถลงวานนี้ (8 ต.ค.) ว่าพบพลเมืองและผู้อพยพราว 80 คนที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่เกิดเหตุสู้รบ รวมถึงอิรัก และซีเรีย เมื่อเร็วๆ นี้ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม “ก่อการร้าย”
ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้กำลังวางแผนจะทำ “กิจกรรมก่อการร้าย” บนแผ่นดินแคนาดา และถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับองค์การก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ที่กลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ กำลังระดมส่งเครื่องบินรบออกไปโจมตีทางอากาศ เพื่อยับยั้งนักรบญิฮาดหัวรุนแรงกลุ่มนี้
สตีเวน เบลนีย์ รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะแคนาดา กล่าวว่า “บุคคลอันตรายเหล่านี้ปรารถนาจะดำเนินกิจกรรมก่อการร้าย และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชาวแคนาดา ที่เคารพกฎหมาย”
รัฐมนตรีแคนาดามีถ้อยแถลงเช่นนี้ ภายหลังจากเมื่อวันก่อนเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแคนาดาได้ลงมติสนับสนุนให้แคนาดาเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม ในอิรัก
ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 80 คนถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายแคนาดาซึ่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม “ก่อการร้าย” ในต่างแดน
เบลนีย์กล่าวว่า ตำรวจม้าแคนาดากำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ และ “จะหาลู่ทางส่งพวกเขาเข้าคุก ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับพวกเขา”
เขากล่าวเสริมว่า “ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ควรถูกลงโทษอย่างสาสมตามกฎหมายแคนาดา” ทั้งนี้เป็นการระบุถึงกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม
เขากล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีพลเมืองและผู้อพยพในแคนาดาอีก 50 ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า มีส่วนพัวพันใน “กิจกรรมก่อการร้าย” และยังไม่เดินทางกลับมาจากต่างแดน
มิเชล กูโลมบ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองเพื่อความมั่นคงแคนาดากล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ไม่ได้เดินทางกลับมาจากอิรักและซีเรียโดยทั้งหมด และพวกเขาถูกกล่าวหาว่า เป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงหลายกลุ่มด้วยกัน รวมถึงกลุ่มไอเอส
กูโลมบ์กล่าวว่า “เรามีพลเมืองชาวแคนาดาอาศัยอยู่ในปากีสถาน อัฟกานิสถาน เยเมน เลบานอน ในซาเฮล ในมักริบ ที่มีส่วนพัวพันในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย”
เขาระบุเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าวมีดังเช่นการระดมเงินทุนสนับสนุนการก่อการร้าย หรือการจัดทำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อชักจูงให้คนเข้าร่วมกลุ่มหัวรุนแรง
แคนาดาแถลงว่า มีแผนจะส่งทหารอากาศ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ รวม 600 คนไปยังอิรัก พร้อมกับเครื่องบินรบ 6 ลำ และเครื่องบินทหารอื่นๆ อีกหลายลำ
ทั้งนี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ประมาณการว่า มีนักรบต่างชาติราว 15,000 คนจาก 80 ประเทศเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักรบญิฮาดในซีเรีย