เอเอฟพี - วานนี้ (6 ต.ค.) ทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงท่าทีที่ไม่ปรากฏให้เห็นกันบ่อยนัก ด้วยการแถลงตำหนินายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลอย่างเปิดเผย ภายหลังที่นายกฯ ยิวกล่าวว่า การที่วอชิงตันออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายจัดตั้งนิคมชาวยิวนั้นขัดแย้งกับ “ค่านิยมอเมริกัน”
วานนี้ (6) เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สหรัฐฯ ออกมาแสดงท่าทีที่สะท้อนให้เห็นว่า สายสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลโอบามา กับรัฐบาลเนทันยาฮู กำลังเผชิญความตึงเครียด ในยามที่สองชาติขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ภายหลังผู้นำทั้งสองได้ร่วมหารือกัน ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากการประชุมหลายครั้งที่ทำเนียบขาว สหรัฐฯ ได้ออกมาประณามอิสราเอลอย่างรุนแรง จากการที่รัฐยิวมีแผนจะอนุมัติการจัดตั้งนิคมชาวยิว อันประกอบด้วยบ้านเรือนหลายพันหลังทางตะวันออกของนครเยรูซาเล็ม จนจุดชนวนให้นายกฯ เนทันยาฮู ตอบโต้อย่างดุเดือด ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่สถานีโทรทัศน์อเมริกันนำมาออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (5)
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า “เป็นเรื่องแปลกที่ (เนทันยาฮู) พยายามกล่าวปกป้องการกระทำของรัฐบาลของเขา ด้วยการชี้ว่า” การกล่าวตอบโต้นโยบายอิสราเอลไม่สอดคล้องกับ “ค่านิยมอเมริกัน”
เออร์เนสต์กล่าวว่า แล้วไม่ใช่เพราะค่านิยมอเมริกันหรือ ที่ทำให้ประเทศนี้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแน่วแน่
“ไม่ใช่ค่านิยมอเมริกันหรอกหรือที่ผลักดันเราให้สู้อุตส่าห์ระดมทุนมาเสริมสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอลด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม”
“แล้วมิใช่ค่านิยมอเมริกันหรอกหรือ ที่ทำให้เราต้องส่งเงินบริจาค และสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธ “ไอออนโดม” ที่ปกป้องชีวิตของพลเมืองผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลจำนวนนับไม่ถ้วน”
“ก็เพราะค่านิยมอเมริกัน สหรัฐฯ จึงต้องส่งเสริมสิทธิในการป้องกันตนของอิสราเอลเต็มที่ และปกป้องอิสราเอลในที่ประชุมนานาชาติหลายเวที รวมถึง เวทีประชุมต่างๆ ที่สหรัฐฯ”
ในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์รายการ “เฟซ เดอะ เนชัน” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ที่ได้รับการเผยแพร่ออนไลน์ เนทันยาฮูกล่าวว่า เขามองว่า การที่สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์นโยบายตั้งนิคมชาวยิวนั้น “น่าฉงน”
เขากล่าวว่า “การทำเช่นนั้นมันขัดกับค่านิยมอเมริกัน ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดสันติ”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานีวิทยุ “อิสราเอล พับลิค” รายงานว่า ระหว่างการหารือ ณ กรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธที่แล้ว (1) ว่า เนทันยาฮูบอกให้ผู้นำสหรัฐฯ “ศึกษาข้อเท็จจริง และรายละเอียดก่อนแสดงความเห็น” ในเรื่องนโยบายการสร้างจัดตั้งนิคมชาวยิว
การอนุมัติสร้างบ้านเรือ 2,610 หลังในพื้นที่ทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ซึ่งเคยเป็นดินแดนของชาวอาหรับ ก่อนถูกอิสราเอลยึดครองนั้น ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่สหรัฐฯ โดยในตอนนั้น เออร์เนสต์ชี้ว่า นโยบายนี้จะทำให้ชาติต่างๆ ตีตัวออกห่างจากอิสราเอล แม้กระทั่งบรรดาประเทศที่เป็นพันธมิตรกับรัฐยิวอย่างเหนียวแน่นที่สุด
เนทันยาฮู กล่าวกับผู้สื่อข่าวอิสราเอลหลังเข้าร่วมการประชุมว่า รัฐบาลของเขาได้วางแผนตั้งนิคมชาวยิวมานาน 2 ปีแล้ว
อูรี แอเรียล รัฐมนตรีการเคหะของอิสราเอลกล่าวผ่านสถานีวิทยุกองทัพอิสราเอลว่า บ้านเรือน 1,000 หลังจะถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ของชาวอาหรับ แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดใดๆ มากไปกว่านี้
การตั้งนิคมชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์ ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง และในพื้นที่ทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ที่รัฐยิวผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ทั้งที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ได้ส่งผลให้การเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล ต้องพังล้มไม่เป็นท่าไปแล้วหลายรอบ
ทั้งนี้ นิคมชาวยิวที่ว่านั้นจะสร้างขึ้นบนดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์ประสงค์จะตั้งรัฐในอนาคต และตั้งเมืองหลวงขึ้นทางภาคตะวันออกของเยรูซาเล็ม