เอเอฟพี/เอพี- นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน กลายเป็นผู้นำชาติแรกในโลกที่ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อัชรัฟ กอห์นี ( Ashraf Ghani) หลังจากที่กอนีเพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์(29 กันยายน)ล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านั้นได้บินลับไปเยี่ยมฐานทัพอังกฤษที่ไซปรัส
เดวิด คาเมรอน เดินทางมาถึงกรุงคาบูลในวันนี้(3)โดยไม่มีกำหนดเยือนประกาศล่วงหน้าหลังจากที่บินไปเยี่ยมฐานทัพอากาศอังกฤษ RAF Akrotiri ในไซปรัส ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ทางอังกฤษใช้เป็นกองบัญชาการปฎิบัติการโจมตี IS ทางอากาศในอิรัก
ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อัชรัฟ กอห์นี ( Ashraf Ghani)ที่รับไม้ต่อจากอดีตประธานาธิบดีฮามิด คาไซ เข้ารับการสาบานตนในวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากมีปัญหาฉาวเรื่องโกงเลือกตั้งและส่งผลให้อัฟกานิสถานเข้าสู่โหมดทางตันทางการเมือง และสหรัฐฯต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในที่สุด
ในข้อตกลงที่มีสหรัฐฯเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย กอห์นียอมจับมือลงนามสัญญาแบ่งอำนาจกับอดีตคู่แข่ง อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์(Abdullah Abdullah ) ที่ถูกแต่งตั้งในฐานะ "ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร" (ซีอีโอ) ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายกับนายกรัฐมนตรีมีกำหนด 2 ปีต่อ 1 วาระ จากรายงานก่อนหน้านี้ของเอเอฟพีในวันที่ 21 กันยายน และ “ รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ “ ที่จะตั้งขึ้นจะถือเป็นเสมือนหลักประกันของอนาคตประเทศจากภาวะที่กองกำลังต่างชาติยังคงประจำอยู่ในดินแดนอัฟกานิสถาน และเม็ดเงินช่วยเหลือเริ่มลดลง
ทั้งนี้แหล่งข่าวอังกฤษและทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานได้ยืนยันถึงการพบปะของผู้นำ 2 ชาติ และเผยว่าการเจรจายังคงดำเนินไป
และเอพีได้รายงานจากกรุงคาบูล ต่อถ้อยแถลงของคาเมรอนเพื่อสดุดีทหารอังกฤษที่ได้สละชีพในอัฟกานิสถานจำนวน 453นายว่า “อังกฤษต้องจ่ายราคาแพงในการทำให้อัฟกานิสถานมีสันติภาพ ซึ่งการที่อัฟกานิสถานสามารถมีเสรีภาพจากการคุกคามของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ถือเป็นผลประโยชน์ของชาติอังกฤษเช่นเดียวกับของอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม13ปีที่ยาวนานได้ผ่านไปจนถึงวันนี้ที่อัฟกานิสถานสามารถ และจำเป็นต้องปกป้องตนเองได้จากภัยความไม่สงบ”
และคาเมรอนยังแถลงเพิ่มเติมว่า “แต่อังกฤษจะไม่ปล่อยให้อัฟกานิสถานต้องยืนอยู่ลำพัง เพราะในอังกฤษ คุณจะมีคู่หูและเพื่อนที่แข็งแกร่งเสมอ”
ด้านกอห์นีที่ยืนแถลงคู่กับคาเมรอน ได้กล่าวขอบคุณกองกำลังรักษาสันติภาพนาโตว่า “ผมอยากขอกล่าวขอบคุณต่อครอบครัวทหารกล้าที่ได้สละชีพ ซึ่งนายทหารเหล่านั้นได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงใหล่กับกองกำลังอัฟกัน และอัฟกานิสถานจะไม่ลืมวีรบุรุษเหล่านั้น”
ทั้งนี้อังกฤษยังคงมีกองกำลังอยู่ในอัฟกานิสถานจำนวน 3,900 นายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนาโต (ISAF) ซึ่งส่วนมากประจำที่ค่าย Camp Bastion ในจ. กันดาฮาร์ และ ISAF จะสิ้นสุดภารกิจปฎิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพในอัฟกานิสถานในสิ้นปี 2014 นี้ และภารกิจสนับสนุนให้การฝึกกองกำลังทหารและตำรวจอัฟกันจะเริ่มในต้นปี 2015 ซึ่งภารกิจการฝึกนี้จะทำที่วิทยาลัยกองทัพอัฟกานิสถาน นอกกรุงคาบูล
ในวันอังคาร(30) ซึ่งเป็นวันแรกที่ประธานาธิบดีอัฟกันคนใหม่เข้าทำงานเป็นวันแรก เขาได้ลงนามในสัญญา 2ฉบับที่มีคู่สัญญาเป็นสหรัฐฯ และนาโต อนุญาตให้กองกำลังต่างชาติยังคงสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ต่อไปในปีถัดไป
ทั้งนี้การลงนามสัญญาต่ออายุการคงทหารชาติตะวันตกถูกเลื่อนมานานกว่า 1ปีเพราะคาไซปฎิเสธที่จะลงนามถึงแม้เขาจะถูกกดดันจากทั้งในประเทศ และประชาคมโลก
ในภารกิจใหม่ที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2015 ซึ่งจะต้องใช้ทหารสหรัฐฯ 9,800 นาย และทหารจากนาโตอีก 3,000 นาย ทำการฝึกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอัฟกันร่วม 350,000 นาย ที่ต้องทำหน้าที่สู้รบ ควบคู่กับปฎิบัติการต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ
เอเอฟฟีรายงานเพิ่มเติมว่า การเข้ารับการสาบานตนของกอห์นีถือเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางประชาธิปไตยครั้งแรกของอัฟกานิสถาน ที่ถึงแม้ยูเอ็นจะให้ความเห็นถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า “เต็มไปด้วยการโกงอย่างเห็นได้ชัด” ก็ตาม
นับตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจรักษาสันติภาพในอัฟกานิสถานในปี 2001 ทหารอังกฤษจำนวนถึง 453 คนเสียชีวิต