รอยเตอร์ - พนักงานรักษาความปลอดภัยของเอกชนที่พกอาวุธถูกปล่อยให้ขึ้นลิฟต์ไปกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนนี้ที่เมืองแอตแลนตา เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญของแดนอินทรี (Secret Service) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) นับเป็นอีกหนึ่งกรณีความล้มเหลวด้านความปลอดภัยของหน่วยงานที่ต้องพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ โอบามา กำลังไปเยือนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เมื่อวันที่ 16 กันยายน หรือ 3 วันก่อนที่ชายพกมีดคนหนึ่งจะกระโดดข้ามรั้วทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และวิ่งเข้าสู่อาคารซึ่งเป็นที่บริหารงานของรัฐบาลเมืองลุงแซม
การบุกรุกทำเนียบขาวครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์เครื่องบทบาทของหน่วยงานนี้ซึ่งมีหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยแก่ประธานาธิบดี จูเลีย เพียร์สัน ผู้อำนวยการหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ บอกคณะกรรมาธิการสภาเมื่อวานนี้ (30) ว่า “มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และดิฉันขอแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่”
ในเหตุการณ์ที่แอตแลนตา ซึ่ง วอชิงตัน เอ็กแซมิเนอร์ และ วอชิงตัน โพสต์ รายงานเป็นเจ้าแรก พนักงานสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยของ CDC กำลังคุมลิฟต์ที่มี โอบามา และเจ้าหน้าที่หน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส อยู่ด้วย
หน่วย ซีเคร็ต เซอร์วิส ระบุว่า ชายคนดังกล่าวเริ่มใช้โทรศัพท์มือถือของเขาถ่ายรูป โอบามา และอัดวิดีโอ ทำให้เจ้าหน้าที่ซีเคร็ต เซอร์วิส ต้องพาตัวเขาออกไปซักถามหลังจากพวกเขาออกจากลิฟต์
เจ้าหน้าที่ ซีเคร็ต เซอร์วิส ระบุว่า ก่อนที่หัวหน้าของพนักงานรักษาความปลอดภัยรายนี้จะมาถึง และถามถึงอาวุธปืนของเขา หน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส ไม่ได้รู้เลยว่าเขาพกอาวุธอยู่ โดยตามกฎของหน่วยงานนี้แล้ว คนที่เข้าถึงตัวประธานาธิบดีจำเป็นต้องปลดอาวุธปืนออกเสียก่อน
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติภูมิหลังทำให้ทราบว่าชายคนนี้เคยต้องโทษคดีทำร้ายร่างกาย 3 ครั้ง
เจ้าหน้าที่ซีเคร็ต เซอร์วิส กล่าวว่า การตรวจสอบเหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนที่ทางหน่วยงานกำลังดำเนินการอยู่