รอยเตอร์ - ฮามิด คาร์ไซ ประธานาธิบดีอัฟกานิสถานที่กำลังจะลาตำแหน่งออกมากล่าวโทษในวันอังคาร (23) ว่า สงครามอันยาวนานในประเทศของเขาเป็นความผิดของสหรัฐฯ ประเทศที่ช่วยนำเขาขึ้นสู่อำนาจเมื่อ 13 ปีที่แล้ว แต่บนเส้นทางที่เขาก้าวเข้ามานี้กลับต้องพบกับความขมขื่นมากขึ้นเรื่อยๆ
การกล่าวปราศรัยอำลาของเขามีขึ้นก่อนหน้าพิธีสาบานตนของ อัชราฟ กอนี ประธานาธิบดีคนใหม่ ตามหลังวิกฤตความรุนแรงนานหลายเดือนเกี่ยวกับศึกเลือกตั้งอันเป็นข้อพิพาท ก่อนจะยุติลงด้วยข้อตกลงแบ่งปันอำนาจระหว่างนายกอนีกับ อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์ คู่แข่งสำคัญ
คาร์ไซ กล่าวโทษทั้งสหรัฐฯและปากีสถานที่เป็นเพื่อนบ้านสำหรับสงครามที่ยังดำเนินอยู่นี้กับพวกกบฏที่นำโดยกลุ่มตอลิบาน พร้อมเตือนให้รัฐบาลใหม่ “ระแวดระวังความสัมพันธ์กับสหรัฐฯและตะวันตกเป็นพิเศษ”
เหตุความไม่สงบทำให้ชาวอัฟกันหลายพันเสียชีวิตในแต่ละปี และยังคร่าชีวิตทหารอเมริกันและกองกำลังนานาชาติอื่นๆในอัฟกานิสถานอีกกว่า 2,200 คน
“หนึ่งเหตุผลเหล่านั้นคือพวกอเมริกันไม่ได้ต้องการสันติภาพ เพราะว่าพวกเขามีแผนการและวัตถุประสงค์ของพวกเขาเองอยู่แล้ว” คาร์ไซ กล่าว โดยไม่ได้อธิบายขยายความ แต่ในอดีตได้ชี้ให้เห็นว่าความรุนแรงที่ดำเนินอยู่เป็นข้ออ้างสำหรับสหรัฐที่จะคงฐานทัพไว้ในประเทศนี้ต่อไป
เขายังได้กล่าวหา บรรดาผู้ทรงอิทธิพลของปากีสถานว่า พยายามควบคุมนโยบายต่างประเทศของอัฟกานิสถาน
คาร์ไซ กล่าวว่า “ในวันนี้ ผมจะบอกพวกคุณอีกครั้งว่า สงครามในอัฟกานิสถานไม่ใช่สงครามของเรา แต่มันถูกกำหนดมาที่เราและเราคือเหยื่อ สันติภาพจะไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯหรือปากีสถานไม่ต้องการมัน”
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ คาร์ไซ กล่าวประณามสหรัฐฯอย่างรุนแรงสำหรับเรื่องการเสียชีวิตพลเรือนชาวอัฟกันในการโจมตีทางอากาศและการคุมตัวนักโทษที่ต้องสงสัยเป็นนักรบติอาวุธอัฟกันโดยไม่มีการพิจารณาคดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองเสื่อมโทรมจนใกล้ถึงจุดแตกหักในปีนี้ เมื่อ คาร์ไซ ปฏิเสธลงนามข้อตกลงความมั่นคงที่สำคัญกับสหรัฐฯ
เขากล่าวว่า เขาได้เดินทางไปยังปากีสถาน ที่ซึ่งเชื่อว่าหัวหน้ากลุ่มตอลิบานจำนวนมากใช้เป็นฐานที่มั่น หาทางเจรจายุติสงครามนี้อย่างน้อย 20 ครั้ง แต่ความพยายามของเขาก็ถูกขัดขวาง
สถานทูตสหรัฐฯ และปากีสถานยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อคำปราศรัยของเขา
คาร์ไซ อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2011 หลังจากถูกสหรัฐฯดึงขึ้นมาจากที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย ภายหลังการโค่นอำนาจรัฐบาลอิสลามิสต์สุดโต่งของตอลิบาน ซึ่งให้ที่กำบังแก่แกนนำก่อการร้ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ หลังเหตุโจมตี 9/11 ที่สหรัฐฯ
ความเสื่อมโทรมในความสัมพันธ์ของเขากับฝ่ายตะวันตกถูกบางคนมองว่าเป็นความพยายามที่จะก่อร่างมรดกของเขาเองขึ้นมาในฐานะผู้นำที่เป็นอิสระมากกว่าหุ่นเชิดของสหรัฐ