เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบและวอลล์สตรีทวานนี้ (22 ก.ย.) ปิดลบแรง จากความกังวลต่อสถานะทางเศรษฐกิจของจีน ก่อนหน้าเผยแพร่ข้อมูลการผลิตอันสำคัญ ปัจจัยนี้ส่งผลให้นักลงทุนหันหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และผลักให้ทองคำขยับขึ้น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 89 เซ็นต์ ปิดที่ 91.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนเฝ้ารอดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตจีนของเอชเอสบีซีประจำเดือนกันยายน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (23 ก.ย.) ที่จะบ่งบอกสถานะทางเศรษฐกิจของแดนมังกร ท่ามกลางความกังวลว่าตัวเลขอาจออกมาน่าหดหู่ หลังจากก่อนหน้านี้รายงานทางเศรษฐกิจต่างๆ นานาที่เผยแพร่ออกมาล้วนแต่ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้
ปัจจัยดังกล่าวประกอบการแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวันจันทร์ (22 ก.ย.) ขยับลงพอสมควร หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล จากกรณีชาวกอตแลนด์ลงประชามติไม่แยกตัวจากสหราชอาณาจักรและการทำไอพีโออย่างสวยงามของอาลีบาบา บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีน
ดาวโจนส์ ลดลง 107.06 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,172.68 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 16.11 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,994.29 จุด แนสแดค ลดลง 52.10 จุด (1.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,527.69 จุด
แซม สโควอลล์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนของเอสแอนด์พีแคปิตอลไอคิว บอกว่า นักลงทุนอยู่ในภาวะต้องการผ่อนคลายระยะสั้น หลังจากดาวโจนส์และเอสแอนด์พีทุบสถิติตลอดกาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางการตัดสินใจทางนโยบายของเฟด ชาวสกอตแลนด์ลงมติต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชและทำไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาลีบาบา
การปรับลดของตลาดทุน ช่วยเพิ่มอุปสงค์ทองคำและในวันจันทร์ (22 ก.ย.) ก็ดันโลหะมีค่าชนิดนี้ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,217.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์