เอเอฟพี - เซียร์ราลีโอนวันนี้ (21 ก.ย.) ได้ยุติภารกิจปิดเมืองห้ามประชาชนออกจากบ้านนาน 72 ชั่วโมง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ “อีโบลา” โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบรายงานว่า ตรวจพบผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสมรณะในเมืองหลวง และเขตปริมณฑลมากถึง 70 ราย
ประชากร 6 ล้านคนในชาติแถบแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้ ส่วนใหญ่ถูกสั่งให้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน 3 วันติดต่อกัน โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกองกำลังความมั่นคงเท่านั้นที่จะได้รับการยกเว้น
อาสาสมัครเกือบ 30,000 คนได้ไปตรวจเยี่ยมตามบ้านทีละหลัง เพื่ออบรมแนวทางป้องกันโรค และแจกสบู่ให้ชาวบ้าน ด้วยความหวังที่ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขาตรวจพบผู้ติดเชื้อ และร่างผู้เสียชีวิตที่ยังไม่มีใครพบอีกหลายศพ
ซาเรียน กามารา รองผู้อำนวยการแพทย์เซียร์ราลีโอนเปิดเผยว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุหลายพันสาย แต่พบผู้ติดเชื้อเพียงเล็กน้อยในเขตตะวันตก ซึ่งครอบคลุมกรุงฟรีทาวน์ ตลอดจนเขตปริมณฑล
เธอกล่าวว่า “เรา...สามารถยืนยันได้เลยว่า การที่มีผู้ติดเชื้อหน้าใหม่โดยที่ทางการไม่ทราบจะยิ่งทำให้เชื้อ (อีโบลา) แพร่กระจายออกไปมากขึ้น”
“จนถึงเมื่อเช้านี้ เราพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 22 ราย (คณะ) แพทย์ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ดีขึ้น และทีมสัปเหร่อก็สามารถฝังร่างผู้เสียชีวิตได้แล้ว 60 ถึง 70 ศพ ในช่วงสองวันที่ผ่านมา”
เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์อิสระต่างแสดงความกังวลว่า ชาวบ้านจะได้รับคำแนะนำในการป้องกันโรคที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้พวกเขาเชื่อว่า ปฏิบัติการปิดเมืองครั้งนี้มีทั้งความสำเร็จและความผิดหวังระคนกันไป ทั้งยังวิจารณ์ว่าคณะเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปให้ความรู้ประชาชนตามบ้านได้รับการฝึกอบรมมาไม่ดีพอ
ในขณะเดียวกัน บรรดาองค์การให้ความช่วยเหลือ และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พากันตั้งคำถามว่า การเคาะประตูบ้านเยี่ยมประชาชน 1.5 ล้านหลังคาเรือนภายในเวลาเพียงแค่สามวันนั้นจะสามารถทำได้อย่างทั่วถึงมากน้อยเพียงใด และแย้งว่าการขังประชาชนไว้ในบ้านอาจทำให้ประชาชนสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจต่อรัฐบาลเซียรราลีโอนได้