xs
xsm
sm
md
lg

3 นักข่าวโดนปาดคอหมกบ่อเกรอะ!!หลังร่วมทีมเข้าไป “สอนป้องกันอีโบลา” ในกินี - “เซียร์ราลีโอน”เริ่มปิดประเทศเป็นวันแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/เอเอฟพี - ทีมให้การศึกษาโรคอีโบลาจำนวน 8 คนถูกสังหารโหดหลังจากเดินทางเข้าไปให้คำแนะนำที่หมู่บ้านทางตะวันออกเฉียงใต้ของกินี ซึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิตเป็นนักข่าว 3 ราย ความรุนแรงล่าสุดที่เกิดขึ้นถือเป็นงานหินสำหรับองค์การอนามัยโลก และเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยงานการแพทย์ที่ต้องประสบท่ามกลางการระบาดของโรคอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก

NBC News สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ดามันตาง อัลเบิร์ต คาเมรา (Damantang Albert Camara) โฆษกรัฐบาลกินีให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ในวันพฤหัสบดี(18)ว่า “พบร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 คนในบ่อถังเกรอะของห้องน้ำรวมประจำหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลทางตะวันออกเฉียงใต้ของกินี และมีร่างผู้เสียชีวิต 3 รายถูกปาดคอเสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะถูกชาวหมู่บ้านรุมสังหารอย่างป่าเถื่อน” และจากจำนวนทั้งหมดของผู้เสียชีวิต มีนักข่าวรวมอยู่ด้วย 3 คน ซึ่งเหตุสังหารโหดนี้ถือเป็นตัวอย่างความรุนแรงในพื้นที่โรคอีโบลาระบาดที่ทางองค์การอนามัยโลกและเจ้าหน้าที่การแพทย์ต้องรับมือ ซึ่งการระบาดของโรคที่คร่าชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,600 คนไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพของคนทั้งประเทศโดยรวม แต่ยังทำลายสังคมของประเทศนั้นอีกด้วย

ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ทีมให้การศึกษาได้หายตัวไปหลังจากโดนชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนั้นใช้ก้อนหินปาในวันอังคาร(16) และยังไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุใดจึงทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น แต่การระบาดโรคอีโบลาส่งผลทำให้เกิดการตื่นตระหนกและไม่เชื่อมั่น เพราะมีชาวกินีเป็นจำนวนมากเชื่อว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์ท้องถิ่นและต่างชาติร่วมอยู่ในกระบวนการปลุกปั่นที่ต้องการทำให้เกิดโรคระบาด หรือสร้างโรคระบาดขึ้นเพื่อลวงให้ชาวกินีเดินทางไปยังสถานอนามัยและลักลอบนำเลือดและอวัยวะภายในของพวกเขาออกจากร่างไป

ด้านผู้อำนวยการแพทย์ไร้พรมแดนประจำกรุงมอนโรเวีย ไลบีเรีย แจ็คสัน เคพี ไนมาห์ (Jackson K.P. Naimah)แถลงกับคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติเมื่อเช้าวานนี้(18)ในการประชุมนัดฉุกเฉินว่า “ทางเราเห็นคนไข้เสียชีวิตเหมือนใบไม้ร่วง และคนเหล่านั้นต้องจบชีวิตตามลำพังในสภาพเลวร้ายโดยปราศจากคนที่รักหรือครอบครัวอยู่ใกล้”

นอกจากนี้ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก มาร์กาเร็ต ชาง (Margaret Chan) แถลงกับยูเอ็นว่า “และนี่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ท้าท้ายองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานในสังกัด เพราะปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่การแพร่ระบาดของโรค ไม่ใช้ปัญหาสุขภาพโดยรวมของประชาชน แต่เป็นวิกฤตสังคม วิกฤตทางด้านมนุษยธรรม ด้านเศรษฐกิจ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของพื้นที่นอกเขตโรคระบาด”

เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า เฮลิคอปเตอร์ช็อปเปอร์ในเซียร์ราลีโอนเร่งขนส่งอาหารกักตุนก่อนกำหนดปิดประเทศเป็นเวลา 3 วันซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นในวันนี้(19) โดยประชาชนเซียร์ราลีโอนจะต้องอยู่แต่ภายในบ้านในขณะที่เจ้าหน้าที่จะเดินเท้าเข้าตรวจแต่ละบ้านค้นหาผู้ป่วยโรคอีโบลา และรวมไปถึงแจกจ่ายสบู่เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค

โดยเอเอฟพีรายงานวันนี้(19)ว่า ประชากรร่วม 6 ล้านคนของเซียร์ราลีโอนถูกกักตัวอยู่แต่ในที่พักเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ยกเว้นเพียงเจ้าหน้าที่การแพทย์ และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ไม่รวมถูกกักบริเวณ และคาดกันว่าอาสาสมัครร่วม 30,000 คนจะเดินเคาะตามบ้านเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนพร้อมทั้งแจกจ่ายสบู่ โครงการนี้ตั้งเป้าหมายค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านเรือน รวมไปถึงร่างผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ได้วิจารณ์โครงการปิดตายประเทศของเซียร์ราลีโอนว่า มาตรการที่แข็งกร้าวเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอาจจะกลายเป็นโทษทำให้บานปลายและยากจะควบคุม และหน่วยงานแพทย์ไร้พรมแดนได้ให้ความเห็นเสริมว่า โครงการนี้จะทำให้ประชาชนแอบซ่อนตัวมากขึ้น และยังทำลายความเชื่อมั่นระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่การแพทย์

แต่รัฐบาลเซียร์ราลีโอนประกาศจุดยืนต้องทำให้สำเร็จ “ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกโครงการปิดตายประเทศจะต้องเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลา 3 วัน งานที่ตั้งใจทำต้องสำเร็จ” สตีเวน เกาเจีย(Steven Gaojia) หัวหน้าศูนย์ฉุกเฉินอีโบลาแห่งเซียร์ราลีโอนแถลง

ทั้งนี้เหล่าอาสาสมัครจะเข้าไปสอนประชาชนต้อวปฎิบัติตัวเช่นไรเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีโบลา รวมไปถึงตั้งทีมศูนย์ชุมชนเฝ้าระวังอีโบลาในพื้นที่ โดยรัฐบาลเซียร์ราลีโอนยืนยันว่า อาสาสมัครเหล่านี้จะไม่เข้าไปยังตัวบ้านของประชาชน แต่จะเรียกให้ทีมกู้ภัยฉุกเฉินจัดการกับผู้ป่วยหรือร่างผู้เสียชีวิตหากมีการค้นพบ

นอกจากนี้รัฐบาลเซียร์ราลีโอนยังสั่งเพิ่มจำนวนเตียงคนไข้ที่โรงเรียนและโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงเพิ่มเตียงจำนวน 200 เตียงในนิวทาวน์ จากการที่ได้คาดการณ์ว่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 20% ซึ่งโครงการปิดประเทศได้รับเสียงตอบรับจากผู้นำชุมชนและประชาชนฟรีทาวน์





กำลังโหลดความคิดเห็น