ซาอุฯ จ่อทุ่มเงินนับ “หมื่นล้าน” ช่วยฟื้นฟู “ฉนวนกาซา” หลังถูกอิสราเอลถล่มยับ

รอยเตอร์ - รามี อัล-ฮัมดัลลาห์ นายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์เปิดเผยวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า ได้รับคำมั่นสัญญาจากซาอุดีอาระเบียว่า ราชอาณาจักรเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้จะบริจาคเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อฟื้นฟูความเสียหายในฉนวนกาซา ขณะที่มีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารบ้านเรือน หลังสงครามภายในระยะเวลา 3 ปีจะมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.29 แสนล้านบาท)

ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นเช่นนี้ ก่อนที่ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมที่กรุงไคโร ซึ่งเป็นเวลาที่บรรดาผู้นำปาเลสไตน์ต่างคาดหวังว่า ประเทศอื่นๆ อย่าง ตุรกี กาตาร์ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ จะเสนอมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอีก

ฮัมดัลลาห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กาซาผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ขณะที่เขาอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ว่า “ซาอุดีอาระเบียเป็นชาติแรกที่เสนอตัวจะบริจาคโดยให้คำมั่นว่าจะมอบเงินช่วยเหลือ 500 ล้านดอลลาร์” เขากล่าวว่า คาดหวังว่า เมื่อได้รับเงินช่วยเหลือจากชาติอื่นๆ ปาเลสไตน์จะสามารถรวบรวมเงินค่าฟื้นฟูความเสียหายได้ครบทันเวลา

บ้านเรือนประมาณ 18,000 หลัง ถูกทำลายย่อยยับในช่วงที่อิสราเอลดำเนินปฏิบัติการทหารถล่มฉนวนกาซานาน 7 สัปดาห์ ขณะที่อีก 40,000 หลังได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง

โครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ อย่างถนน สะพาน และโรงบำบัดน้ำเสียก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน ขณะที่โรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวของฉนวนกาซาก็จะต้องสร้างใหม่โดยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีโรงงานอีกหลายสิบในย่านที่อยู่อาศัยแถบชานเมืองก็ถูกระดมยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่

อิสราเอลอ้างว่า ได้เปิดฉากสงครามเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อยับยั้งไม่ให้ขบวนการอิสลามิสต์ “ฮามาส” ที่แผ่อิทธิพลปกครองฉนวนกาซายิงจรวดโจมตีอิสราเอล จนส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปกว่า 2,100 คน ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่ฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตไป 67 คน และพลเรือนล้มตายอีก 6 คน

ตัวเลขมูลค่าการบูรณะฉนวนกาซาซึ่งเป็นที่ถิ่นที่อยู่ของชาวปาเลสไตน์ 1.8 ล้านคนที่ ฮัมดัลลาห์ระบุนั้นถือเป็นตัวเลขประมาณการระลอกล่าสุด โดยก่อนหน้านี้เคยมีการคาดการณ์กันไว้ว่า โครงการก่อสร้างมหึมาครั้งนี้จะต้องใช้เงิน 3 พันล้าน ถึง 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากบ้านเรือนถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงตึกสูง 14 ชั้นอย่างน้อย 3 หลัง บรรดานักเศรษฐศาสตร์ในกาซาจึงประมาณการว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า กาซาจะต้องขนูปูนซีเมนต์เข้ามาวันละ 10,000 ตันเพื่อการก่อสร้างครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนสงคราม ที่นำเข้ามาเพียง 30 ตันต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม โครงการบูรณะจะเดินหน้าไปได้หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังดูท่าทีของกลุ่มฮามาสว่า จะอนุญาตให้องค์การบริหารปาเลสไตน์ (พีเอ) เข้ามาบริหารการปกครองพลเรือน และควบคุมพรมแดนฉนวนกาซาได้หรือไม่