เอเอฟพี - ตำรวจออสเตรเลียจับกุมผู้ต้องสงสัย 15 รายในปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุดวันนี้ (18 ก.ย.) เพื่อสกัด “แผนก่อเหตุรุนแรง” ต่อพลเมืองแบบไม่เลือกหน้า ซึ่งรายงานข่าวชี้ว่า อาจรวมถึงการถ่ายคลิปวิดีโอ “ฆ่าตัดคอ” ด้วย
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงออสเตรเลียกว่า 800 นายเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยทั่วนครซิดนีย์และบริสเบนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง โดยมีการออกหมายค้นบ้าน 25 หลัง และตั้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องสงสัย 1 ราย ซึ่งจะต้องเดินทางไปขึ้นศาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังยึดของกลางเป็นปืนอย่างน้อย 1 กระบอก
ปฏิบัติการกวาดล้างแบบสายฟ้าแลบมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากออสเตรเลียประกาศยกระดับภัยคุกคามก่อการร้ายขั้น “สูง” (high) เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เนื่องจากเกรงอันตรายจากพวกนักรบอิสลามิสต์ที่กลับจากต่อสู้ในอิรักและซีเรีย
ตำรวจเมืองจิงโจ้ยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับในวันนี้(18) เกี่ยวข้องกับนักรบญิฮาดรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่กำลังคุกคามดินแดนของอิรักและซีเรียอยู่หรือไม่ โดยกล่าวแต่เพียงว่า รายละเอียดทั้งหมดจะถูกให้การในชั้นศาล
“ตำรวจเชื่อว่าคนกลุ่มที่เราไปจับมาในวันนี้มีเจตนาบางอย่าง และเริ่มวางแผนก่อเหตุรุนแรงในออสเตรเลียแล้ว” แอนดรูว์ คอลวิน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุ
“แผนก่อเหตุรุนแรงที่ว่านี้ยังเกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชนแบบไม่เลือกหน้า”
คำพูดของผู้บัญชาการตำรวจ คอลวิน ทำให้นึกไปถึงกรณีของ ลี ริกบี นายทหารอังกฤษ ที่ถูกคนร้ายซึ่งเป็นมุสลิม 2 รายสังหารโหด และพยายามตัดศีรษะกลางถนนในกรุงลอนดอนเมื่อปีที่แล้ว
สำนักข่าวออสเตรเลียน บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน รายงานว่า เอกสารของศาลอาจเปิดเผยแผนลักพาตัวประชาชนในนครซิดนีย์แบบไม่เจาะจง จากนั้นจึงนำตัวเหยื่อไปห่อด้วยผืนธงสัญลักษณ์ของกลุ่มไอเอส และถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่ “ฆ่าตัดคอ” เขา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รายงานดังกล่าวจริงเท็จประการใด ผู้บัญชาการตำรวจ คอลวิน ก็ตอบว่า “ข้อกล่าวหาเช่นนี้ถือเป็นการกระทำความรุนแรงอย่างสาหัสต่อประชาชนบนท้องถนนของรัฐนิวเซาท์เวลส์... ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการศาลดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ ได้เปิดแถลงข่าวอย่างชัดเจนวันนี้ (18) ว่า ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายทั่วนครซิดนีย์และบริสเบนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ล่วงรู้ถึงเจตนาของแกนนำกลุ่มไอเอสคนหนึ่งที่ออกสั่งให้สมุนของเขา “สาธิตการฆ่า” (demonstration killings) ในออสเตรเลีย
“ชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่เป็นแกนนำระดับสูงของเครือข่ายสนับสนุนไอเอสในออสเตรเลีย ได้สั่งให้มีการสาธิตการฆ่าในประเทศของเรา” แอบบ็อตต์ กล่าว
“นี่ไม่ใช่แค่ข้อสงสัย แต่เป็นเจตนา และเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงต้องลงมือปฏิบัติการเช่นนี้”
รัฐบาลแคนเบอร์ราเชื่อว่า อาจมีพลเมืองออสซีถึง 60 รายที่เดินทางไปร่วมต่อสู้กับกลุ่มไอเอสอยู่ในเวลานี้ และยังมีอีกราวๆ 100 คนที่เคลื่อนไหวสนับสนุนไอเอสอยู่ในแดนจิงโจ้
สกอตต์ มอร์ริสัน รัฐมนตรีกระทรวงคนเข้าเมืองออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติด้วย ระบุว่า การบุกตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยในวันนี้ (18) ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ถึง “ภัยคุกคามอย่างแท้จริง” ที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายในเมืองบริสเบน ซึ่งต่อมาถูกตั้งข้อหาระดมแนวร่วม จัดหาเงินทุนสนับสนุน และส่งนักรบญิฮาดไปต่อสู้ในซีเรีย
ล่าสุด ออสเตรเลียยังได้สั่งปิดบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งให้บริการธุรกรรมทางการเงินในนครซิดนีย์เมื่อวานนี้ (17) หลังพบข้อมูลน่าเชื่อถือว่าอาจถูกใช้เป็นช่องทางส่งเงินทุนไปตะวันออกกลางเพื่อช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้าย
แอนดรูว์ ซิไพออน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ ขอร้องให้สังคมอย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป
“นี่เป็นเวลาที่ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ เราจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว”
การยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายซึ่งเคยอยู่ในขั้น “กลาง” (medium) มานานหลายปีเป็นขั้น “สูง” (high) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหมายความว่า “มีแนวโน้มที่จะเกิดการก่อการร้าย” ขึ้นในบ้านเมือง และก่อนหน้านั้นรัฐบาลออสเตรเลียก็ได้เตือนเรื่องนี้ซ้ำหลายครั้งแล้ว
นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ กล่าวในเวลานั้นว่า การยกระดับเตือนภัยไม่ใช่เพราะรัฐบาล “ทราบแผนก่อการร้ายที่เฉพาะเจาะจง แต่มีหลักฐานจำนวนหนึ่งที่บ่งชี้ว่า โอกาสที่จะเกิดการก่อเหตุร้ายเพิ่มสูงขึ้น”
ถัดจากระดับ “สูง” ขึ้นไปจะเป็นการเตือนภัยขั้น “สูงสุด” (extreme) ซึ่งหมายความว่า “จะเกิดการโจมตีอย่างแน่นอน หรือได้เกิดขึ้นแล้ว”