เอเอฟพี - ฝูงบินรบของสหรัฐฯ ได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มติดอาวุธ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ใกล้กรุงแบกแดดเป็นครั้งแรก ในยามที่บรรดานักการทูตทั่วโลกให้คำมั่นว่า จะช่วยอิรักต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงกลุ่มนี้
แม้ว่าสหรัฐฯ ได้เริ่มส่งเครื่องบินรบไปถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอส ทางตอนเหนือของอิรักตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่การประกาศตั้งเป้าจู่โจมกลุ่มนักรบญิฮาด ในบริเวณใกล้เมืองหลวงของอิรักวานนี้ (15 ก.ย.) ถือเป็นการขยายขอบเขตภารกิจปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงให้กว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก
ความเคลื่อนไหวของวอชิงตันมีขึ้น ภายหลังเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10) ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แถลงออกอากาศทางโทรทัศน์ว่า จะประกาศสงครามกับกลุ่มรัฐอิสลาม “อย่างไม่ปรานีปราศรัย” โดยรวมถึงการโจมตีทางอากาศในซีเรีย และขยายขอบเขตปฏิบัติการทหารในอิรักเพื่อ “ทำลาย” กองทัพนักรบญิฮาดที่กำลังแผ่อิทธิพลกว้างขวาง
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุในคำแถลงว่า “กำลังทหารของกองทัพสหรัฐฯ ได้เดินหน้าโจมตีกลุ่มไอเอสไอแอล (ไอเอส) ด้วยการฝูงบินโจมตีและฝูงบินขับไล่ออกไปดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ 2 ครั้งในบริเวณใกล้ภูเขาซินจาร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงแบกแดด เมื่ออาทิตย์ (14) และวันจันทร์ (15) เพื่อสนับสนุนกองกำลังความมั่นคงของอิรัก”
“ตามที่ประธานาธิบดีได้แถลงไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10) การเปิดฉากโจมตีทางอากาศทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงแบกแดดเป็นครั้งแรก คือหนึ่งในความพยายามขยายขอบเขตปฏิบัติการปกป้องประชาชน และภารกิจทางมนุษยธรรมของเรา ให้กลายเป็นการตั้งเป้าโจมตีกลุ่มไอเอส เพื่อสนับสนุนกองกำลังอิรักที่กำลังปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรง”
การโจมตีทั้งสองครั้งได้ทำลายยานพาหนะ 6 คันของกลุ่มไอเอส ในบริเวณใกล้ภูเขาซินจาร์ และฐานสู้รบของกลุ่มไอเอสทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงแบกแดด ที่กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ใช้กราดยิงกองกำลังของอิรัก
เมื่อนับรวมปฏิบัติการระลอกล่าสุด พบว่า สหรัฐฯ ได้โจมตีทางอากาศทั่วอิรักไปแล้ว 162 ครั้ง
*** ไม่มีเวลาอีกแล้ว ***
ที่อิรัก ได้เกิดเหตุปะทะกันขึ้นเป็นระยะใกล้เมืองดุลุยยาห์ ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นจุดที่กองกำลังความมั่นคงของอิรัก และพันธมิตรกองกำลังชาวเคิร์ด เตรียมดำเนินปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงภายใต้การนำของกลุ่มไอเอส
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีครั้งต่อไปของสหรัฐฯ ภายหลังที่ภารกิจทลายวงล้อมที่เมืองอาเมอร์ลีที่อยู่ห่างออกไปทางเหนือประสบความสำเร็จ
ขณะเน้นย้ำว่า จำเป็นต้องปราบปรามกลุ่มไอเอสอย่างเร่งด่วน รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสได้ประกาศก่อนเปิดประชุมเพียงไม่กี่ชั่วโมงว่า ปารีสจะร่วมมือกับอังกฤษส่งเครื่องบินสอดแนมไปสนับสนุนภารกิจโจมตีกลุ่มไอเอสทางอากาศ ที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินอยู่
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เครื่องบินขับไล่ราฟาเอล 2 ลำของฝรั่งเศสก็ทะยานออกจากฐานทัพอากาศ อัล-ดาฟรา ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ที่กรุงบรัสเซลส์ อันเดอร์ส ราสมุสเซน เลขาธิการใหญ่ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินปฏิบัติการทหาร พร้อมทั้งกล่าวว่า กลุ่มไอเอสว่าเป็น “กลุ่มก่อการร้ายซึ่งจะไม่ได้รับโอกาสเจรจาจาต่อรองอะไรทั้งสิ้น”
ชาติอาหรับ 10 ประเทศ รวมถึงซาอุดีอาระเบีย อยู่ในหมู่ประเทศที่สนับสนุนปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มไอเอส ที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดัน และออสเตรเลียได้ให้คำมั่นจะส่งกำลังทหาร 600 คนไปอิรัก
อย่างไรก็ตาม อิหร่านซึ่งไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมการประชุมครั้งนี้กล่าวว่า จะไม่เข้าร่วมภารกิจต่อต้านกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่สหรัฐฯ เป็นหัวเรือใหญ่
ทั้งนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของอิหร่านเป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ เช่นเดียวกับอิรัก ขณะที่นักรบของกลุ่มไอเอสเป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ซึ่งตั้งเป้าโจมตีชาวชีอะห์