รอยเตอร์ - ระดับน้ำของอุทกภัยใหญ่ที่คร่าชีวิตชาวบ้านในอินเดียและปากีสถานรวมกันกว่า 450 ศพ เริ่มลดลงแล้วในวันพุธ(10ก.ย.) เปิดโอกาสให้ทีมกู้ภัยเข้าอพยพประชาชนอีกหลายหมื่นคืนที่ติดค้างอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ โดยเฉพาะที่แคว้นแคชเมียร์ของแดนภารตะที่ต้องเผชิญกับภาวะฝนตกหนักสุดในรอบกว่า 50 ปี
ในแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย ภาวะน้ำท่วมและดินถล่มได้ตัดขาดประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนจากการบริการขั้นพื้นฐาน กระตุ้นให้เกิดปฏิบัติการช่วยเหลือของทหารครั้งใหญ่ ซึ่งจนถึงตอนนี้สามารถอพยพผู้คนจากหมู่บ้านและบนหลังคาของเมืองได้ราว 80,000 คน
อย่างไรก็ตามในวันพุธ(10ก.ย.) ชาวบ้านเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อความพยายามบรรเทาทุกข์ที่เพิ่งเข้าถึงพวกเขา ทั้งที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากว่า 6 วันนับตั้งแต่เกิดน้ำท่วม ขณะที่บางส่วนก็คร่ำครวญต่อสภาพความเป็นอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว
อุทกภัยคราวนี้ถือว่าเหตุฉุกเฉินทางมนุษยธรรมครั้งสำคัญหนแรกของอินเดียภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ขณะเดียวกันมันยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากของนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ที่กำลังเผชิญการประท้วงบนท้องถนนมานานหลายสัปดาห์เพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
"ในบางหมู่บ้านที่ถูกน้ำซัดจนไม่เหลืออะไร ชาวบ้านโกรธเคืองมาก ผิดหวังและท้อแท้" ตำรวจอินเดียนายหนึ่งกล่าว ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนคาดหมายว่ามีประชาชนอีกหลายหมื่นคนที่ยังไม่ได้อพยพ
ด้าน โอมาร์ อับดุลเลาะห์ มุขมนตรีจัมมู แคชเมียร์ ประกาศจะกู้คืนงานบริการฉุกเฉินต่างๆให้เร็วที่สุด "ผมรู้ว่าประชาชนกำลังสูญเสียทุกสิ่ง เราให้สัญญาจะฟื้นฟูพวกเขา ไม่มีงานบรรเทาทุกข์และศูนย์พักพิงใดที่สมบูรณ์แบบ เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้" พร้อมเผยว่าเป้าหมายแรกคือแจกจ่ายน้ำสะอาด เวชภัณฑ์ยา อาหารสำหรับเด็กอ่อนและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่มากับน้ำ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของอินเดียและปากีสถาน เสนอมอบความช่วยเหลือแก่กันและกันในการจัดการกับภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากเหตุสู้รบตามแนวชายแดนได้ชั่วคราว แต่ความรุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้งตามแนวควบคุมเมื่อวันพุธ(10ก.ย.) ด้วยทหารหลายสิบนายยิงต่อสู้กับพวกนักรบ แม้ว่าในพื้นที่อื่นๆต่างก็ง่วนอยู่กับปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
แคชเมียร์ คือแก่นกลางของความเป็นปกปักษ์มาหลายทศวรรษนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามที่เกิดขึ้นตามหลังอินเดียได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 1947 โดยปัจจุบันนิวเดลี ยังคงประจำการกำลังทหารจำนวนมากในดินแดนทางเหนือสุดของประเทศแห่งนี้
ในปากีสถาน อิสลามิสต์หัวรุนแรงคนดังอย่างนายฮาฟิซ ซาอีด กล่าวหาอินเดียว่าเป็นพวกก่อการร้ายทางน้ำ และเป็นต้นตอของเหตุน้ำท่วมข้ามพรมแดน ด้วยการระบายน้ำออกจากเขื่อนปริมาณมหาศาล "อินเดียใช้น้ำโจมตีปากีสถาน เราอยู่ในภาวะแห่งสงคราม" เขากล่าวในทวิตเตอร์ ทั้งนี้นายซาอิด ถูกอินเดียกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการเหตุโจมตีมุมไบเมื่อปี 2008 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 166 ศพ
ทหารอินเดียได้อพยพประชาชนราว 80,000 คน ออกจากบ้านเรือน มัสยิดและอาคารราชการต่างๆ โดยยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ แตะ 220 ศพในวันพุธ(10ก.ย.) ส่วนในปากีสถาน มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 231 ศพ จากปัญหาน้ำท่วมทั้วประเทศ ในนั้นรวมถึงดินแดนแคชเมียร์ ในฝั่งของพวกเขา
