รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และได้รับบาดเจ็บ 14 ราย หลังเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารรักษาชายแดนของอินเดีย และปากีสถานบริเวณพรมแดนพิพาท “แคชเมียร์” ถือเป็นความตึงเครียดล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างสองชาติ “มหาอำนาจนิวเคลียร์” แห่งภูมิภาคเอเชียใต้ ก่อนที่จะมีการหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของทั้งสองประเทศที่กรุงนิวเดลี ในระหว่างวันที่ 23 - 24 สิงหาคมนี้
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างนิซาร์ อาหมัด วานี หนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณแนวเส้น “ไลน์ ออฟ คอนโทรล” ซึ่งเป็นแนวเขตหยุดยิงที่แบ่งแยกแคชเมียร์ระหว่างอินเดียและปากีสถาน ระบุว่า มีสตรีรายหนึ่งเสียชีวิตหลังมีกระสุนปืนครกลูกหนึ่งถูกยิงตกใส่ห้องครัวภายในบ้านของเธอในขณะที่เธอกำลังเตรียมอาหารมื้อเช้าให้กับสมาชิกในครอบครัว
การเสียชีวิตของสตรีเคราะห์ร้ายรายดังกล่าว ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตของปากีสถาน ถูกระบุว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นจากการยิงปะทะกันระลอกล่าสุดระหว่างทหารอินเดียและปากีสถาน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 8 ราย รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บที่มีจำนวนอย่างน้อย 14 ราย
ความตึงเครียดล่าสุดระหว่างอินเดีย และปากีสถาน บริเวณพรมแดนพิพาทแคว้นแคชเมียร์ ที่นำไปสู่การยิงปะทะกันครั้งนี้ เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ (14 ส.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันฉลองเอกราชของปากีสถาน ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าวันฉลองเอกราชของอินเดียเพียงแค่วันเดียว โดยทั้งปากีสถาน และอินเดีย ต่างหลุดพ้นจากการเป็นดินแดนอาณานิคมของสหราชอาณาจักรในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 1947
ทั้งนี้ อินเดีย และปากีสถาน ได้ทำสงครามกันมาแล้วถึง 3 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เป็นเอกราช และในจำนวนนี้มีการสู้รบกัน 2 ครั้ง ที่มีต้นตอจากความขัดแย้งบาดหมางกรณีอธิปไตยเหนือแคว้นแคชเมียร์
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลนิวเดลี และอิสลามาบัด ในเวลานี้ ก็ยังอยู่ในภาวะเย็นชา นับตั้งแต่ที่ นเรนทรา โมดี นักการเมืองชาตินิยมฮินดูฝ่ายขวา ชนะการเลือกตั้งและได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียเมื่อปีที่แล้ว