รอยเตอร์ - องค์การนิรโทษกรรมสากลแถลงวันนี้ (10 ก.ย.) ว่าพบหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลเคียฟ และกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ทางภาคตะวันออกของยูเครน ต่างก่ออาชญากรรมสงครามกันทั้งสองฝ่าย
ซาลิล เชตตี เลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุในการแถลงข่าว ณ กรุงมอสโก ของรัสเซียว่า สมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนบางคน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกำลังทหารรัสเซีย และกองพัน “ไอดาร์” ของยูเครน ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในระหว่างที่เกิดเหตุสู้รบนาน 5 เดือน
ขณะอ้างภาพถ่ายจากดาวเทียม ตลอดจนคำบอกเล่าจากปากพยานบุคคล เชตตีกล่าวว่า เนื่องจากรัสเซียมีส่วนพัวพันในสถานการณ์ความรุนแรงทางภาคตะวันออกของยูเครน ประเทศนี้จึงต้องแสดงความรับผิดต่ออาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้น
เชตตี กล่าวว่า “เราได้ยกประเด็นอาชญากรรมสงครามขึ้นมาพูดถึงครั้งแล้วครั้งเล่า และในรายงานฉบับล่าสุด เราได้แสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายก่ออาชญากรรมสงคราม” ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำข้อกล่าวหาที่กรุงมอสโก ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแดนหมีขาวต่างปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครน
เชตตี กล่าวว่า องค์การนิรโทษกรรมสากลได้ขอเข้าพบ ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน และ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดตกลงยอมให้เข้าพบ หรือออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเหล่านี้
รัสเซียได้ออกมาปัดว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในวิกฤตสู้รบในยูเครน ทั้งยังแสดงท่าทีเมินเฉย เมื่อถูกสหรัฐฯ และบรรดาชาติตะวันตกกล่าวหาว่า ลอบส่งกำลังทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ไปสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
เชตตี กล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดน “ซึ่งตอนนี้เราทราบว่า มีกองกำลังของรัสเซีย (และกองพันไอดาร์ ของยูเครน ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครป้องกันดินแดน) คอยหนุนหลังอยู่” ได้มีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้นว่า ทุบตี และก่อเหตุลักพาตัว
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีการสืบสวนตามข้อกล่าวหาที่ว่า ทั้งสองฝ่ายใช้ปืนครกถล่มยิงไม่เลือกหน้า ซึ่งเขาชี้ว่า ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตไปมากกว่า 1,000 คน