เอเอฟพี - ศาลอัฟกานิสถานพิพากษาในวันนี้ (7 ก.ย.) ตัดสินลงโทษประหารชีวิตชายหนุ่ม 7 คน ที่ร่วมมือกันลงรุมข่มขืนหญิงสาว 4 ราย ซึ่งเป็นคดีที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนในชาติเป็นจำนวนมาก โดยมีบรรดาผู้ประท้วงมาชุมนุมกันบริเวณนอกศาลและมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ชายผู้กระทำผิดทั้ง 7 คนสวมใส่เสื้อผ้าสีน้ำตาล ยืนอยู่ในคอกจำเลย ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลักพาตัวและทำร้ายหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังขับรถกลับบ้านหลังไปร่วมพิธีแต่งงาน
การพิจารณาคดีกินเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากศาลได้รับฟังเรื่องราวการกระทำของชายกลุ่มนี้ ที่แอบปลอมตัวเป็นตำรวจพร้อมทั้งพกพาอาวุธปืน แล้วสั่งหยุดรถขบวนหนึ่งในช่วงก่อนรุ่งสางของวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา
กลุ่มคนร้ายได้ลากตัวหญิงสาว 4 คนออกมาจากรถ แล้วทำการปล้นชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย จากนั้นก็ข่มขืนพวกเธอ โดยที่มีหญิงสาวรายหนึ่งกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย
ครอบครัวเราเดินทางไปเมืองปักห์มาน พอขากลับพวกเขาก็จับตัวเราไป มีคนหนึ่งเอาปืนจี้หัวฉันไว้ ขณะที่อีกคนหนึ่งก็ชิงเอาเครื่องเพชรไป ส่วนพวกที่เหลือก็ลงมือทำในสิ่งที่พวกคุณก็รู้กันแล้ว" เหยื่อรายหนึ่งที่สวมชุดคลุมมิดชิดกล่าวในศาล
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้ประท้วงที่อยู่ด้านนอกของศาลได้เรียกร้องให้ทำการตัดสินประหารชีวิตคนร้ายกลุ่มนี้ โดยมีเสียงปรบมือดังระงมเมื่อผู้บังคับการตำรวจ "ซาฮีร์ ซาฮีร์" บอกว่าคนร้ายควรจะต้องถูกแขวนคอ
"เราต้องการให้พวกเขาถูกแขวนคอต่อหน้าสาธารณชน เพื่อที่จะได้เป็นบทเรียนแก่คนอื่นๆ เราจับกุมพวกเขาได้พร้อมกับเครื่องแบบตำรวจ ซึ่งพวกเขาก็ได้สารภาพความผิดทั้งหมดภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากก่อเหตุ" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาระบุว่า จำเลยทั้ง 7 มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์
สิทธิสตรีเป้นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญ ในความพยายามของนานาชาติที่จะพัฒนาอัฟกานิสถานด้วยงบระมาณหลายพันล้านดอลลาร์ หลังจากสิ้นสุดการปกครองของกลุ่มตอลิบาน
เมื่อครั้งที่อัฟกานิสถานถูกปกครองโดยกลุ่มตอลิบาน ภายใต้กฏหมายอิสลามนิกายสุหนี่ที่มีความเข้มงวด บรรดาหญิงสาวต่างถูกบังคับให้สวมชุดคลุมที่มิดชิดทั่วทั้งตัว ห้ามทำงาน ห้ามแม้กระทั่งการออกจากบ้านโดยที่ไม่มีผู้ชายไปด้วย
องค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุว่า การข่มขืนและความรุนแรงต่อสตรีและเด็กหญิงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในอัฟกานิสถาน โดยสามารถพบเห็นหญิงอัฟกันที่ถูกเลือกปฏิบัติ กลั่นแกล้งและล่วงละเมิดอยู่เป็นประจำ
การก่อเหตุรุมโทรมครั้งนี้ ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากสาธารณชน ผ่านทางอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ ลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในคดีข่มขืนที่อินเดีย ที่มีเหยื่อเป็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งบนรถบัสในกรุงนิวเดลีห์เมื่อปี 2012 จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานเอกอัตรราชทูตสหรัฐฯในกรุงคาบูล ได้ออกคำแถลงประณามการปล้นชิงทรัพย์ ทำร้ายและข่มขืนครั้งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการอัฟกันนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้
