เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจล่าสุดในสหรัฐฯพบ จำนวนคนผิวดำที่เป็น “ผู้ว่างงาน” มีสัดส่วนมากกว่าคนผิวขาวที่ไม่มีงานทำมากกว่าเท่าตัว
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (บีแอลเอส) ระบุว่า แม้อัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯในขณะนี้จะอยู่ที่ระดับ 6.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าจำนวน “คนผิวดำ” อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ที่ไม่มีงานทำในเมืองลุงแซมล่าสุด ได้พุ่งสูงถึง 11.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่า ตัวเลขการว่างงานในหมู่ประชากรผิวขาวในช่วงอายุเดียวกันที่มีเพียง 5.3 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่อัตราการว่างงานในหมู่ชาวอเมริกันเชื้อสายละตินจากผลการสำรวจล่าสุดอยู่ที่ระดับ 7.5 เปอร์เซ็นต์ โดยที่อัตราการว่างงานในหมู่ประชากรกลุ่มนี้ไม่เคยลดลงต่ำกว่า 7 เปอร์เซ็นต์เลยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2008 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ การเปิดเผยผลสำรวจล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ประเด็นเรื่องสีผิวและเชื้อชาติ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าในสหรัฐฯหลังจากเกิดการจลาจลของประชาชนในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรีที่ไม่พอใจต่อเหตุสะเทือนขวัญที่ดาร์เรน วิลสัน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวลั่นกระสุนอย่างน้อย 6 นัดเข้าใส่ ไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวดำวัย 18 ปีที่ไม่มีอาวุธ
โดยล่าสุดทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (ดีโอเจ) ตั้งเป้าเดินหน้าสืบสวนคดีละเมิดสิทธิมนุษยชน กับตำรวจเมืองเฟอร์กูสันทุกคน หลังตรวจสอบพบประวัติการใช้อำนาจหน้าที่เกินกว่าเหตุ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเหยียดผิว หลังสัดส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเฟอร์กูสันผิวขาวมีจำนวนสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับสีผิวอื่นในท้องที่ซึ่งมีพลเมืองผิวดำอาศัยถึง 65 เปอร์เซ็นต์