รอยเตอร์ - “อากิเอะ อาเบะ” สตรีหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่น ออกมาให้มุมมองเกี่ยวกับทิศทางการบริหารประเทศวันนี้ (4 ก.ย.) ว่า รัฐบาลโตเกียวควรตัดรายจ่ายที่สิ้นเปลืองและเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้เต็มที่ ก่อนจะผลักภาระให้ประชาชนด้วยการขึ้นภาษีการขายจาก 8% เป็น 10% ในปีหน้า
“หากมองจากอัตราการเกิดที่ลดน้อยลง และจำนวนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันอาจเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” อากิเอะ ภริยาของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ที่บ้านพักประจำตำแหน่งนายกฯ โดยอ้างถึงแผนปรับขึ้นภาษีการขายที่สามีของเธอวางไว้
“ดิฉันเชื่อว่ายังมีเงินภาษีประชาชนบางส่วนไม่ได้ถูกใช้อย่างเหมาะสม และน่าจะมีการแก้ไขเรื่องนี้” เธอกล่าว
“ดิฉันเข้าใจดีว่าการบริหารประเทศในบางแง่มุมอาจมีอุปสรรคหากเราไม่ขึ้นภาษีเลย แต่ส่วนตัวดิฉันมองว่าก่อนที่จะทำเช่นนั้นเราน่าจะพยายามฟื้นเศรษฐกิจ แก้ในสิ่งที่แก้ได้ และตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนจะดีกว่าไหม”
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า “แค่คำพูดของดิฉันคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ต้องตัดสินใจในเดือนธันวาคมนี้ว่าจะเดินหน้าปฏิรูปภาษีขั้นที่ 2 ด้วยการปรับเพิ่มภาษีการขายเป็น 10% ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2015 เป็นต้นไปหรือไม่ เพื่อนำเงินรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาลดหนี้สาธารณะ และอุดหนุนสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุแดนปลาดิบที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน
การปรับภาษีครั้งแรกจาก 5% เป็น 8% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงในไตรมาส 2 จนถึงเดือนมิถุนายน และสร้างความกังขาว่า อาเบะ ยังคิดที่จะใช้แผนปรับภาษีเป็น 10% ในปีหน้าอยู่หรือไม่
นางอาเบะมักแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับจุดยืนบางอย่างของสามีอยู่เป็นประจำ จนได้ฉายาว่า “ฝ่ายค้านในบ้าน” รวมถึงเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ที่เธอเห็นว่าญี่ปุ่นควรจะเลิกพึ่งพาเสีย หากสามารถหาพลังงานทางเลือกมาทดแทนได้
เธอยอมรับว่าเคยพยายามห้ามปรามสามีไม่ให้ปรับขึ้นภาษีเป็น 8%
“ดิฉันบอกเขาว่าอย่าทำเลย” เธอบอก และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรต่อการขึ้นภาษีครั้งต่อไป เธอก็ตอบว่า “ยังสงสัยอยู่”