ปธ.คกก.ข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ “ชาวอเมริกันหลายร้อย” พัวพันกลุ่มติดอาวุธ “ไอเอส”

เอเอฟพี - ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวเตือนวานนี้ (31 ส.ค.) ว่า อาจมีชาวอเมริกัน “หลายร้อยคน” ที่กำลังติดต่อสื่อสารกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก และเป็นเรื่องยากที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขา

โรเจอร์ส ซึ่งเป็น ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน และอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ให้สัมภาษณ์ต่อรายการฟอกซ์ นิวส์ ซันเดย์ ว่า ตนยังรู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับมาตรการติดตามความเคลื่อนไหวชาวอเมริกันที่มีส่วนเชื่อมโยงกับพวกนักรบญิฮาด

“พลเมืองกลุ่มนี้มีเป็นร้อยๆ คน แต่ละคนก็เคยเดินทางไปร่วมฝึกฝนกับกลุ่มไอเอสมาแล้ว 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย” โรเจอร์สเผย

“บางคนก็กลับมาที่นี่ แต่บางคนก็ตัดสินใจไปที่ยุโรป”

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประเมินว่า มีพลเมืองอเมริกัน “มากกว่า 100 คน” เดินทางไปซีเรียเพื่อร่วมต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์หัวรุนแรง เช่น ไอเอส

“ผมกังวลเรื่องนี้มาก เพราะเราไม่อาจทราบได้ว่าพลเมืองคนใดบ้างที่ถือหนังสือเดินทางอเมริกันไปร่วมฝึกซ้อม และเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้จากพวกเขา”

โรเจอร์สยังเอ่ยถึงชาวอังกฤษประมาณ 500 คน และชาวแคนาดาอีกหลายร้อยคนที่เชื่อว่าได้เดินทางไปยังซีเรีย พร้อมเตือนว่าพลเมืองจาก 2 ประเทศนี้เป็นกลุ่มที่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องขอวีซา

สัปดาห์ที่แล้ว ทำเนียบขาวได้แถลงยืนยันว่า ดักลาส แม็กอาร์เธอร์ แม็คเคน วัย 33 ปี ซึ่งเป็นนักรบญิฮาดชาวอเมริกันที่ต่อสู้ร่วมกับไอเอส เพิ่งจะถูกปลิดชีพในซีเรียเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ (31) สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ยุทธศาสตร์การรับมือกลุ่มติดอาวุธในซีเรียน่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า

“เวลานี้เรายังไม่มีข้อมูล แต่เชื่อว่าจะได้ทราบข้อมูลนั้นภายในสัปดาห์หน้า และตอบได้ว่าแผนขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร” ดัตช์ รัปเปอร์สเบอร์เกอร์ ส.ส.พรรคเดโมแครต ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการ สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น

“ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นชั้นความลับ คุณคงไม่ป่าวประกาศบอกศัตรูล่วงหน้าว่ากำลังจะโจมตีพวกเขาหรอก นั่นคือประเด็นสำคัญที่สุด คุณต้องไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน แต่ต้องลงมือในขั้นเผด็จศึกทีเดียว”

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30) สหรัฐฯ ได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างจำกัดนอกพรมแดนทางตอนเหนือของอิรักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ภารกิจต่อต้านกลุ่มไอเอสเริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 3 สัปดาห์ก่อน เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินจากหลายประเทศเข้าไปโปรยสิ่งของบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนในเมืองอาเมอร์ลี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนิกายชีอะห์