เอเอฟพี - องค์กรการกุศลแดนภารตะวันนี้ (31 ส.ค.) ได้เผยโฉมห้องสุขาใหม่กว่า 100 ห้อง ที่หมู่บ้านอันทุรกันดาร ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งเคยเกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้น โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการที่ผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ถูกบังคับให้ขับถ่ายกลางแจ้งมาเนิ่นนาน
องค์กรการกุศลด้านสุขอนามัย “สุลาภอินเตอร์เนชันแนล” ได้ส่งมอบห้องสุขาสีหวานแหววเพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านในรัฐอุตตรประเทศมีสุขลักษณะที่ดี ภายหลังไม่กี่สัปดาห์ก่อน นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ประกาศว่า ภายในเวลา 4 ปี บ้านเรือนทุกหลังควรมีห้องน้ำอย่างน้อยหนึ่งห้อง
การขับถ่ายกลางแจ้งได้กลายเป็นปัญหาสังคม และปัญหาสุขภาพที่สำคัญของอินเดีย โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงหลายล้านคนที่ต้องตกป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกาย เมื่อต้องออกจากบ้านในยามค่ำมืดดึกดื่นเพื่อปลดทุกข์กลางทุ่งนา
เปรมวาตี เทวี คุณแม่ลูกห้าวัย 45 ปี กล่าวในพิธีตัดริบบิ้นสุขาใหม่ ที่หมู่บ้านชาห์อาดัตกันจ์ว่า “ห้องสุขาจะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายขึ้นมาอีกครั้ง”
ขณะยืนชื่นชมห้องน้ำสีชมพูฟ้านอกกระท่อมมุงจากของตน เทวีกล่าวกับเอเอฟพีว่า “ต่อไปนี้ เราไม่ต้องรอจนมืดค่ำเพื่อออกไปปลดทุกข์อีกแล้ว เราสามารถเข้าห้องน้ำเมื่อใดก็ได้ที่เราต้องการ”
ข้อมูลของธนาคารโลกชี้ว่า มีชาวอินเดียมากกว่า 500 ล้านคน ต้องขับถ่ายกลางแจ้ง โดยเฉพาะประชาชนในเขตยากจนแถบชนบทอย่างเขตบัดเดอุน (Badaun) ในรัฐอุตตรประเทศ ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการติดโรค
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หมู่บ้านกัตรา ชาห์อาดัตกันจ์ ในเขตบัดเดอุน ได้กลายเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก เมื่อมีการพบศพวัยรุ่นหญิง 2 คนในสภาพถูกแขวนคอใต้ต้นมะม่วง ภายหลังที่พวกเธอออกไปปลดทุกข์นอกบ้าน
ตำรวจแดนภารตะกำลังสืบสวนว่า ก่อนถูกแขวนคอ ลูกพี่ลูกน้องซึ่งมีอายุ 14 และ 12 ปีคู่นี้ ถูกรุมโทรมหรือไม่ จุดประกายให้เกิดความแค้นเคือง ทั้งยังกระตุ้นให้ชาวอินเดียหวนนึกถึงคดีรุมโทรมนักศึกษาสาวภาควิชากายภาพบำบัดบนรถเมล์ที่วิ่งอยู่ในกรุงนิวเดลี เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012
ทั้งนี้ สำหรับคดีสะเทือนขวัญซึ่งเกิดขึ้นที่รัฐอุตตประเทศนั้น ยังไม่มีฝ่ายใดถูกสำนักงานสืบสวนกลางของอินเดียตั้งข้อหาฝ่ายใดอย่างเป็นทางการ
ในการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันประกาศเอกราชของอินเดีย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โมดีได้พูดถึงความรู้สึกอับอาย ที่ผู้หญิงต้องเผชิญ จากการที่พวกเธอต้องรอให้ตะวันตกดินจึงจะกล้าออกไปขับถ่าย
เขากล่าวว่า “คุณนึกออกไหมว่า (การขาดแคลนห้องสุขา) ทำให้พวกเธอต้องประสบปัญหามากมายเพียงใด”
องค์กรสุลาภ ซึ่งรู้สึกสะเทือนใจกับคำกล่าวของโมดี ได้ตัดสินใจบริจาคห้องสุขาซึ่งมีมูลค่าห้องละ 45,000 รูปี (ราว 23,800 บาท) ให้แก่บ้านทุกหลังในหมู่บ้านนี้ ทั้งยังมีแผนที่จะบริจาคเพิ่มอีก
บินเดชวาร์ ปาทัก ผู้ก่อตั้งองค์กรสุลาภกล่าวกับเอเอฟพีว่า “หลังจากทำการสำรวจ เราพบว่าบ้านราว 400 หลังในหมู่บ้านที่อยู่ติดกัน ก็ไม่มีห้องน้ำเช่นเดียวกัน เราจึงวางแผนจะสร้างห้องสุขาให้แก่ครอบครัวเหล่านั้นในขั้นต่อไป”
