เอเจนซีส์ - โซฮาน ลาล (Sohan Lal) วัย 50 ปี บิดาของหนึ่งในเหยื่อข่มขืนวัยรุ่นสาวอินเดียที่ถูกแขวนไว้ใต้ต้นมะม่วงหลังถูกรัดคอจนเสียชีวิต ปฎิเสธรับเงินช่วยเหลือจำนวน 500,000 รูปี( 5,000ปอนด์ )จากรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐอุตตรประเทศ ในขณะที่ 3 คนร้ายในคดียอมรับสารภาพความผิดข่มขืน2วัยรุ่นอินเดียแต่ปฎิเสธไม่มีส่วนสังหารเหยื่อ ท่ามกลางความโกรธแค้นของญาติผู้เสียชีวิตที่ประกาศให้แขวนคอคนร้ายในที่สาธารณะเพื่อเป็นการลงโทษ และล่าสุดบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(2)ว่าประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวประท้วงหน้าสำนักงานมุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ปราบปรามอาชญากรรมความรุนแรงกับสตรีก่อนโดนตำรวจอินเดียเข้าสลาย
ทั้งนี้โซฮาน ลาล (Sohan Lal)ที่ทำอาชีพเกษตรกรรมด้วยพื้นที่แห้งแล้งที่มีเนื้อที่เพียงครึ่งเอเคอร์ปฎิเสธรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐรัฐอุตตรประเทศจำนวน500,000 รูปี( 5,000ปอนด์ ) ประกาศต้องการความยุติธรรมไม่ใช่เงิน “ผมจะเอาเงินไปทำอะไร” ลาลกล่าว
ตำรวจอินเดียเปิดเผยว่า คนร้าย3คนที่ล้วนเป็นเพื่อนบ้านของเหยื่อต่างยอมรับสารภาพผิดว่าได้ร่วมทำร้ายเหยื่อที่หมู่บ้านคาตรา ซาดาตกันจ์ (Katra Sadatgunj) ที่อยู่ห่างไกลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความผิดคดีข่มขืนและฆ่าต้องได้รับโทษหนักประหารชีวิตตามกฏหมายของอินเดีย
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า คนร้ายทั้ง3 คนให้การยอมรับในความผิดข่มขืนแต่ได้ปฎิเสธในข้อหาฆ่าเหยื่อ มูเกช ซาเซนา( Mukesh Saxena) โฆษกตำรวจอินเดียแถลงเมื่อวานนี้(1) โดยคนร้ายจำนวน 5 คนได้ถูกจับกุมที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย 2 นายรวมอยู่ในนั้น
คดีข่มขืนและแขวนคอเหยื่อวัยรุ่นอายุ 14 ปี และ16ปีนับเป็นคดีสะเทือนขวัญทั่วประเทศ รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีมีปฎิกริยาฉับไวในเรื่องนี้ได้ออกโรงประนามความรุนแรงที่เกิดขึ้น และยังเรียกให้มีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลอินเดียชุดที่ผ่านมาของ มานโมฮัน ซิงห์ และพรรคคองเกรสอินเดีย ที่ล่าช้าในการจัดการคดีข่มขืนนักศึกษาสาวบนรถประจำทางเดลลีในปี 2012ทำให้มีผลกระทบต่อฐานเสียงสนับสนุนทางการเมืองเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ดิการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า มีตำรวจอินเดีย 2 นายถูกไล่ออกจากสาเหตุที่ไม่ยอมรับแจ้งความคดีหายไปของหญิงวัยรุ่นทั้งสองหลังจากทราบว่าเหยื่อและครอบครัวมาจากวรรณะจัณฑาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียอีก 2 นายถูกสั่งพักราชการจากการทำผิดครั้งร้ายแรง แหล่งข่าวตำรวจระดับสูงเขตบูดายูน (Badaun) รัฐอุตตรประเทศ เปิดเผย และกล่าวต่อว่า การค้นหาคนร้ายที่เหลืออีก 2 คนยังมีต่อไปในวันอาทิตย์(1)
ลาลยังให้สัมภาษณ์กับดิการ์เดียนต่อว่า เขาห่วงลูกสาวคนโตและญาติ “ผมรู้สึกกลัวหลังจากเหตุเกิดขึ้น หากมันเกิดขึ้นกับลูกสาวผมได้ มันสามารถเกิดขึ้นกับหญิงทุกคนในหมู่บ้านนี้ได้เช่นกัน”
การที่ลาลกลัวมีสาเหตุจากที่ส่วนใหญ่ห้องน้ำประจำบ้านยังไม่มี ทำให้ผู้หญิงต้องเดินทางเข้าทุ่งในที่เปลี่ยวเพื่อปลดทุกข์โดยเฉพาะยามค่ำคืน “ไม่มีห้องน้ำ แล้วจะให้เด็กผู้หญิงพวกนั้นไปปลดทุกข์ได้ที่ไหน” จามูนี เทวี (Jamuni Devi) หญิงชาวบ้านจากหมู่บ้านเดียวกับเหยื่อข่มขืนตะโกนด้วยความโกรธแค้น และเสริมต่อว่า “ไม่มีใครใส่ใจต่อสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน” โดยรายงานจากองค์การสหประชาชาติ 4ปีที่แล้วพบว่าชาวอินเดียสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือได้มากกว่าห้องน้ำ ทำให้หญิงที่อาศัยในชนบทที่ห่างไกลต้องเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายทางเพศและทางร่างกาย
และCNN รายงานต่อว่า นอกจากนี้มารดาของหนึ่งในเหยื่อที่เคราะห์ร้ายเปิดเผยว่า บุตรสาวของเธอต้องการเรียนเป็นแพทย์เพื่อหนีชีวิตที่ยากแค้น และต้องการให้คนร้ายได้รับโทษเฉกเช่นเดียวกันกับที่ทำกับบุตรสาวของเธอ “แขวนคอพวกเขาประจานในที่สาธารณะ” เธอกล่าว
และล่าสุดบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานในวันนี้(2)ว่า มีประชาชนชาวอินเดียในเมืองลักเนาว์ (Lucknow)ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง รวมตัวประท้วงจำนวนหลายร้อยคนหน้าสำนักงานมุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ เรียกร้องให้อัคฮีเลช ยาดาฟ มุขมนตรีอุตตรประเทศจัดการกวาดล้างความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นต้องใช้กระสุนน้ำและกระบองในการเข้าสลายฝูงชน โดยผุ้คนไม่พอใจเมื่อทราบจากครอบครัวเหยื่อว่า ทางตำรวจท้องที่ต้องใช้เวลาถึง 12ชม.กว่าจะเริ่มต้นตามหาเด็กสาว 2คนที่ได้หายตัวไป
ทั้งนี้รัฐบาลของยาดาฟถูกวิจารณ์อย่างหนักในการขาดมาตรการป้องกันความปลอดภัยให้กับสตรีอินเดียในรัฐอุตตรประเทศ “เราจะไม่ยอมหลับพักผ่อน เราจะอยู่ตรงนี้ พวกเขาต้องสามารถหยุดความรุนแรงต่อผู้หญิง” หนึ่งในผู้ประท้วงเผยกับสื่อโทรทัศน์อินเดีย NTV และชายผู้ประท้วงอีกคนกล่าวก่อนที่จะโดนตำรวจอินเดียเข้าสลายว่า “เราจะอยู่ตรงนี้ และเราจะไม่ยอมแพ้”