เอเอฟพี - รัสเซียต้องการให้มีการเปิดเส้นทางส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (humanitarian bridge) เข้าไปยังเมืองในภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งกำลังเผชิญการสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธโปรรัสเซียกับกองทัพของรัฐบาลเคียฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแดนหมีขาวแถลงวันนี้ (30 ส.ค.)
อนาโตลี อันโตนอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ อาร์ไอเอ-โนโวสติ ว่า รัฐบาล องค์กรภาคสังคม และภาคธุรกิจของรัสเซีย “ไม่ได้ต้องการจัดขบวนรถส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปเพียงครั้งเดียว แต่ยังต้องการให้มีครั้งที่ 2, 3 หรืออาจจะเป็นสิบครั้ง”
อันโตนอฟยอมรับว่า “ความจริงเราอยากให้มีการเปิดเส้นทางส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม” ระหว่างรัสเซียกับเมืองลูกานสก์ และโดเนตสก์ ซึ่งมีพลเรือนจำนวนมากติดอยู่ท่ามกลางสมรภูมิการต่อสู้
รัสเซียได้ส่งขบวนรถบรรทุกกว่า 200 คันขนสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นสิ่งของบรรเทาทุกข์ น้ำหนัก 1,800 ตัน เข้าไปยังเมืองลูกานสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการยูเครน และไม่มีเจ้าหน้าที่สภากาชาดติดตามไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย
รัฐบาลเคียฟออกมาโวยวายทันทีว่าสิ่งที่มอสโกทำเป็นการ “รุกรานอธิปไตย” ขณะที่ชาติตะวันตกก็ผสมโรงตำหนิรัสเซียว่าล่วงละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนยูเครน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายยูเครนและรัสเซียอยู่ระหว่างหารือความเป็นไปได้ในการส่งขบวนรถขนความช่วยเหลือเข้าไปเป็นครั้งที่ 2
รัฐบาลยูเครนเกรงว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์เหล่านั้นอาจตกไปถึงมือพวกกบฏโปรรัสเซีย หรือหากร้ายยิ่งกว่านั้นก็อาจจะกลายเป็นข้ออ้างให้รัสเซียเปิดฉากรุกราน หากขบวนรถถูกโจมตี
กรุงเคียฟยังไม่พอใจที่รัสเซียพยายามอ้างเหตุผลด้านมนุษยธรรมเพื่อขยายบทบาทในดินแดนภาคตะวันออกของตน
ทั้งนี้ อันโตนอฟไม่ได้ใช้คำว่า “ระเบียง” (corridor) ซึ่งจะสื่อความถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปปกป้องอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่
เมื่อเดือนมิถุนายน สำนักข่าวอาร์บีเคของรัสเซียได้อ้างแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหม ซึ่งกล่าวว่า ทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ใกล้ชายแดนพร้อมที่จะปฏิบัติการ “แทรกแซง” เพื่อปกป้องพลเมืองเชื้อสายรัสเซียหากถูกกองทัพยูเครนโจมตี
กรุงเคียฟและมหาอำนาจตะวันตกกล่าวหาว่ารัสเซียส่งทหารเข้าไปในยูเครน ซึ่งทหารเหล่านี้เป็นผู้นำปฏิบัติการตอบโต้จนทำให้พวกกบฏสามารถชิงดินแดนภาคตะวันออกเฉียงใต้ไปจากทหารของยูเครนได้ และทำให้แนวโน้มการต่อสู้ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 5 เดือนเริ่มจะเปลี่ยนทิศ
องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่า รัสเซียส่งทหารอย่างน้อย 1,000 นายข้ามแดนไปร่วมต่อสู้กับฝ่ายกบฏยูเครน และยังจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ กระสุนปืน รถถัง และยานเกราะเข้าไปช่วยเสริมกำลังให้ฝ่ายกบฏ ส่วนตามแนวชายแดนก็มีทหารตรึงกำลังไว้ถึง 20,000 นาย
อย่างไรก็ดี อันโตนอฟปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่มีทหารรัสเซียสู้รบอยู่ในแผ่นดินยูเครนอย่างแน่นอน
“สหพันธรัฐรัสเซียไม่ได้ใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน และจะไม่มีวันทำเช่นนั้น”