เอเจนซีส์ - FBI สหรัฐฯ เดินหน้าทำคดีสอบสวน สถาบันการเงิน JPMorgan Chase & Co รวมถึงธนาคารสัญชาติสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 แห่งตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์ หลังพบรูรั่วทางระบบความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ครั้งใหญ่
IBT สื่อธุรกิจรายงานเมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ว่า หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯต่างๆ รวมถึง FBI ต่างร่วมกันเดินหน้าสืบสวนคดีการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายที่สถาบันการเงินของสหรัฐฯ และหนึ่งในนั้นคือ JPMorgan Chase & Co บลูมเบิร์กนิวส์รายงาน และมีรายงานเปิดเผยว่า ลักษณะการโจมตีนั้น “ต้องเป็นเซียนชั้นยอด” และสื่อให้เห็นว่า อาจมีรัฐบาลเข้าเกี่ยวข้อง นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่เชื่อว่าคนร้ายเป็นชาวรัสเซีย หรือมาจากยุโรปตะวันออก
“รูปแบบการโจมตีชี้ว่าเป็นพวกรัสเซียที่ทำให้รู้ว่าพวกเขามีเป้าหมายเล่นงานเจาะจง “เจมส์ ลูอิส (James Lewis) ผู้อำนวยการโปรแกรมยุทธวิธีทางเทคโนโลยีประจำศูนย์การศึกษายุทธวิธีและการต่างประเทศในวอชิงตันให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก และเสริมต่อว่า “พวกรัสเซียมักเปิดทางเลือกให้มีการลงมือมากกว่านั้น และคำถามคือมีสิ่งใดที่ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจโจมตี และสำคัญที่สุดทางสหรัฐฯ จะรับมืออย่างไร”
และถึงแม้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลกจะถูกเจาะระบบความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์สำเร็จ แต่ JPMorgan ยังไม่ถือว่าเรื่องนี้จะเป็นการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ และเปิดเผยต่อว่า รายละเอียดของคดียังไม่ปรากฏ รวมไปถึงยังไม่สามารถประเมินถึงความเสียหายที่จะมีต่อ JPMorgan ได้ในขณะนี้ แต่ปรากฏว่า มีข้อมูลชั้นความลับสุดยอดทางการเงินของธนาคารร่วมหลายกิกะไบต์หายไป แหล่งข่าวภายใน JPMorgan เผยกับบลูมเบิร์ก และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ FBI กำลังสืบความเชื่อมโยงว่า จะเป็นมือแฮกเกอร์คนเดียวกันหรือไม่ที่เคยเจาะระบบธนาคารหลายแห่งในยุโรป
โดยแฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ “มาลแวร์” เจาะระบบความปลอดภัยของธนาคารต่างๆ และเช่นเดียวกับในปี 2013 ที่แฮกเกอร์ใช้มัลแวร์เจาะระบบความปลอดภัยของห้างทาร์เกตในสหรัฐฯ และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญของบัตรเครดิตของลูกค้าหลายล้านคนหนีไปอย่างลอยนวล
ด้านแพทริเซีย เวกซ์เลอร์ (Patricia Wexler) โฆษก JPMorgan ให้ความเห็นว่า “คอมพิวเตอร์ของ JPMorgan ถูกโจมตีทางเครือข่ายเกือบจะทุกวัน แต่ทางบริษัทมีระบบป้องกันการโจมตีหลายชั้น และยังมีการเฝ้าตรวจจับการฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์เสมอ”
IBT สื่อธุรกิจรายงานเมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ว่า หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯต่างๆ รวมถึง FBI ต่างร่วมกันเดินหน้าสืบสวนคดีการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายที่สถาบันการเงินของสหรัฐฯ และหนึ่งในนั้นคือ JPMorgan Chase & Co บลูมเบิร์กนิวส์รายงาน และมีรายงานเปิดเผยว่า ลักษณะการโจมตีนั้น “ต้องเป็นเซียนชั้นยอด” และสื่อให้เห็นว่า อาจมีรัฐบาลเข้าเกี่ยวข้อง นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่เชื่อว่าคนร้ายเป็นชาวรัสเซีย หรือมาจากยุโรปตะวันออก
“รูปแบบการโจมตีชี้ว่าเป็นพวกรัสเซียที่ทำให้รู้ว่าพวกเขามีเป้าหมายเล่นงานเจาะจง “เจมส์ ลูอิส (James Lewis) ผู้อำนวยการโปรแกรมยุทธวิธีทางเทคโนโลยีประจำศูนย์การศึกษายุทธวิธีและการต่างประเทศในวอชิงตันให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก และเสริมต่อว่า “พวกรัสเซียมักเปิดทางเลือกให้มีการลงมือมากกว่านั้น และคำถามคือมีสิ่งใดที่ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจโจมตี และสำคัญที่สุดทางสหรัฐฯ จะรับมืออย่างไร”
และถึงแม้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลกจะถูกเจาะระบบความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์สำเร็จ แต่ JPMorgan ยังไม่ถือว่าเรื่องนี้จะเป็นการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ และเปิดเผยต่อว่า รายละเอียดของคดียังไม่ปรากฏ รวมไปถึงยังไม่สามารถประเมินถึงความเสียหายที่จะมีต่อ JPMorgan ได้ในขณะนี้ แต่ปรากฏว่า มีข้อมูลชั้นความลับสุดยอดทางการเงินของธนาคารร่วมหลายกิกะไบต์หายไป แหล่งข่าวภายใน JPMorgan เผยกับบลูมเบิร์ก และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ FBI กำลังสืบความเชื่อมโยงว่า จะเป็นมือแฮกเกอร์คนเดียวกันหรือไม่ที่เคยเจาะระบบธนาคารหลายแห่งในยุโรป
โดยแฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ “มาลแวร์” เจาะระบบความปลอดภัยของธนาคารต่างๆ และเช่นเดียวกับในปี 2013 ที่แฮกเกอร์ใช้มัลแวร์เจาะระบบความปลอดภัยของห้างทาร์เกตในสหรัฐฯ และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญของบัตรเครดิตของลูกค้าหลายล้านคนหนีไปอย่างลอยนวล
ด้านแพทริเซีย เวกซ์เลอร์ (Patricia Wexler) โฆษก JPMorgan ให้ความเห็นว่า “คอมพิวเตอร์ของ JPMorgan ถูกโจมตีทางเครือข่ายเกือบจะทุกวัน แต่ทางบริษัทมีระบบป้องกันการโจมตีหลายชั้น และยังมีการเฝ้าตรวจจับการฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์เสมอ”
