เอเอฟพี - อินเดียร้องขอให้ เป๊ปซี่ โค บริษัทน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ขณะที่แดนภารตะกำลังต่อสู้กับระดับโรคเบาหวานและโรคอ้วนที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ
อินทรา นูยี ประธานบริษัท เป๊ปซี่ โค เข้าพบ หรสิมรัต กอร์ บดัล รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารระหว่างการเยือนอินเดียเมื่อวันอังคาร (26) เพื่อหารือถึงแผนการของบริษัทสำหรับหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นและเรื่องการลงทุนในอินเดีย
“บริษัท เป๊ปซี่ โค ได้รับคำร้องขอให้ลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มให้น้อยลงกว่านี้ เพื่อให้ประเด็นด้านสุขภาพของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม” ทางกระทรวงกล่าวในถ้อยแถลงหลังเสร็จสิ้นการพบปะดังกล่าว
เมื่อเอเอฟพีติดต่อสอบถามไปเมื่อวันพุธ (27) ทางบริษัทฯ ยังไม่พร้อมให้ความคิดเห็นใดๆ
ภาวะพร่องโภชนาการยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในอินเดีย แต่การบริโภคฟาสต์ฟูดและน้ำอัดลมกลับเพิ่มขึ้นในหมู่ชนชั้นกลางเพราะรายที่ได้สูงขึ้น ทำให้ระดับโรคอ้วนและโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
บริษัทน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่แห่งนี้กำลังแทนที่น้ำตาลบางส่วนในน้ำอัดลมด้วยสเตเวีย สารให้ความหวานธรรมชาติที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในยุโรปและบางส่วนของเอเชีย
อย่างไรก็ตาม เป๊ปซี่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในแดนภารตะ เพราะว่าสารดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองสำหรับการบริโภค
บริษัทน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ซึ่งจัดจำหน่วย เซเว่นอัพ, มิรินด้า และเมาเทนดิว รวมถึงเป๊ปซี่ในอินเดีย พร้อมด้วยบรรดาบริษัทที่เป็นหุ้นส่วนด้านการบรรจุขวด มีแผนที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 2 เท่าในประเทศนี้ภายในปี 2020
นูยีกล่าวว่า เป๊ปซี่ โค ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียแห่งนี้เป็นอีกเท่าตัว
เมื่อปีที่แล้ว เธอประกาศว่า เป๊ปซี่จะลงทุน 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 175,532 ล้านบาท) ในอินเดียภายในปี 2020
การบริโภคเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในอินเดียยังคงอยู่ในระดับต่ำหากเปรียบเทียบกับชาติเพื่อนบ้านในเอเชีย จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
เป๊ปซี่เข้ามาสู่ประเทศนี้ ในช่วงที่อินเดียได้เปิดรับบริษัทต่างชาติตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่แล้ว
ปัจจุบันเป๊ปซี่มีโรงงานบรรจุขวด 38 แห่งและโรงงานอาหาร 3 แห่งในแดนภารตะ