เอเอฟพี – ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะ “จัดการ” กับการคุกคามใดๆ ต่ออเมริกา พร้อมยอมรับว่าวอชิงตันกำลังพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนถึงอันตรายของกลุ่มไอเอส และระบุว่าปฏิบัติการโจมตี ต่อกลุ่มนี้ในซีเรียอาจมีความจำเป็น หลังจากการจู่โจมทางอากาศหลายสัปดาห์ได้ชะลอการรุกคืบของนักรบสุหนีกลุ่มนี้ในอิรัก ท่ามกลางข่าวการสังหาร เจมส์ โฟลีย์ นักข่าวชาวอเมริกัน อย่างป่าเถื่อนและน่าสยดสยอง
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังระบุเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (22) ด้วยว่า การโจมตีทางอากาศในซีเรียอาจมีความจำเป็น ขณะที่ เบ็น โรด รองทีปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเห็นพ้องว่า “ทุกกลยุทธ์ที่ใช้จัดการกับองค์กรไอเอส ต้องนำมาใช้กับพรมแดนทั้งสองฝั่ง ทั้งอิรักและซีเรีย”
“ถ้าเราพบเห็นการวางแผนทำร้ายชาวอเมริกัน ถ้าเราพบเห็นการคุกคามต่อสหรัฐฯปรากฏออกมาจากที่ไหนก็ตาม เราพร้อมเสมอที่จะจัดการกับการคุกคามนั้นๆ “ โรด กล่าวเสริม
“เราได้ประกาศชัดเจน และขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าคุณติดตามทำร้ายชาวอเมริกัน เราจะไล่หลังคุณในทุกที่ที่คุณอยู่ และนั่นคือสิ่งที่จะนำทางแผนการของเราในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้”
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ บอกกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า การโจมตีต่อสิ่งที่เรียกกันว่า “เป้าหมายระดับสูง” อย่างเช่นแกนนำสักคนของกลุ่มก่อการร้าย อาจใช้เวลาภายใน “ชั่วโมงเดียว หรืออาจเป็นสัปดาห์”
“ถ้ามันยึดค่ายฝึกเป็นหลัก เราอาจปฏิบัติการได้เร็วๆนี้อย่างแน่นอน”
กลุ่มไอเอสได้ประกาศจัดตั้ง “รัฐคอลิฟะห์” ขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจากนั้นมาก็ตียึดพื้นที่ทางเหนือของอิรัก นำมาผนวกกับภาคตะวันออกของซีเรียที่พวกเขายึดครองอยู่ก่อนแล้ว
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ดำเนินแผนการโจมตีทางอากาศเพื่อช่วยเหลือชาวเคิร์ดและกองทัพอิรักต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในทางตอนเหนือของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ถ้าวอชิงตันมุ่งปฏิบัติการโจมตีทางทหารในซีเรีย นั่นจะหมายถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายที่มีต่อสงครามกลางเมืองในซีเรียอย่างระมัดระวังตัวของสหรัฐฯในปัจจุบัน
สงครามกลางเมืองในซีเรียซึ่งดำเนินมามากกว่า 3 ปีได้นำพาภูมิภาคนี้เข้าสู่ความโกลาหล และคร่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 170,000 คน
