เอเจนซีส์/เอเอฟพี - หลังจากอาร์เจนตินาเกิดภาวะไม่สามารถชำระหนี้ปันผลดอกเบี้ยแก่นักลงทุนปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ได้ในเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดประธานาธิบดีอาร์เจนตินา กริสตีนา เอลิซาเบต เฟร์นันเดซ เด กีร์ชเนร์ ประกาศแผนการเงินประเทศ ยื่นข้อเสนอสับเปลี่ยนตราสารหนี้เดิมที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายสหรัฐฯแลกกับตราสารใหม่ภายใต้กฎหมายอาร์เจนตินา เพื่อเลี่ยงที่จะตกอยู่ในสภาพไม่สามารถชำระหนี้ได้รอบใหม่ และทำให้หนึ่งในสองของบริษัทเฮดจ์ฟันด์ที่ฟ้องอาร์เจนตินาต่อศาลสหรัฐฯ ได้ประนามอาร์เจนตินาว่า “เป็นพวกนอกกฎหมาย”
ดิอินดีเพนเดทต์ สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(21)ว่า ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา กริสตีนา เอลิซาเบต เฟร์นันเดซ เด กีร์ชเนร์ ได้เผยถึงร่างกฎหมายในคืนวันอังคาร(19)ที่จะกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนตราสารหนี้เดิมที่อยู่ในมือนักลงทุน ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายสหรัฐฯ กับตราสารหนี้ใหม่ที่อยู่ภายใต้กฎหมายอาร์เจนตินา “หากผู้ถือตราสารหนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคลหรือหมู่คณะเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎหมายและกระบวนยุติธรรมสำหรับบอนด์ที่อยู่ในมือ กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินาพร้อมจะทำการแลกเปลี่ยนให้เป็นตราสารหนี้ใหม่ที่อยู่ภายใต้การบังคับกฎหมายอาร์เจนตินาแทน” เฟร์นันเดซ แถลง
และผู้นำอาร์เจนตินายังแถลงเพิ่มเติมว่า “นี่เป็นทางเลือกเดียวที่นักลงทุนจะมี แต่นี่ไม่ใช่คำสั่ง เพราะจากข้อสัญญา ทางรัฐบาลอาร์เจนตินาไม่สามารถบังคับผู้ถือตราสารหนี้ได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลอาร์เจนตินาต้องรับผิดชอบคือ ทำให้เหล่านักลงทุนได้รับการปันผลดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้”
อาร์เจนตินาตกอยู่ในสภาพไม่สามารถชำระหนี้ได้(Debt Default)ในวันที่ 30 กรกฎาคมล่าสุด หลังจากศาลสูงสหรัฐฯออกคำพิพากษา ห้ามไม่ให้อาร์เจนตินาจ่ายปันผลดอกเบี้ยให้กับผู้ถือตราสารหนี้ปรับโครงสร้างใหม่ จนกว่าอีเลียต แมเนจเมนต์ คอร์ป (Elliott Management Corp) และออเรอุส แคปปิตอล แมเนจเมน แอลพี (Aurelius Capital Management LP) บริษัทเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯทั้ง 2 แห่งที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องจะได้รับการจ่ายเงินคืนเต็มจำนวนราว 1.3 พันล้านเสียก่อน
และมีนักวิเคราะห์บางคนได้เตือนว่า “ถึงแม้นักลงทุนจะทำการแลกเปลี่ยนตราสารเดิมกับตราสารใหม่แล้ว แต่กระนั้นนักลงทุนยังถือว่ามีความเสี่ยงด้านกฏหมายอยู่ เพราะท้ายที่สุดอาร์เจนตินาอาจตกอยู่ในสภาพละเมิดอำนาจศาล” อาเลโฮ คอสตา (Alejo Costa) หัวหน้าแผนกกลยุทธ์การลงทุนประจำสถาบันการเงิน บัวโนส ไอเรส อินเวสต์เมนต์แบงก์ “Puente” ให้ความเห็น โดยอ้างไปถึงคำพิพากษาว่า ศาลสูงสหรัฐฯไม่อนุญาตให้มีการจ่ายดอกเบี้ยแก่นักลงทุนจนกว่าอาร์เจนตินาจะบรรลุข้อตกลงกับบริษัทเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ และยังห้ามธนาคารที่เป็นตัวกลางทำการจ่ายเงินที่อาร์เจนตินาได้ฝากไว้เพื่อชำระดอกเบี้ยปันผลแก่นักลงทุนปรับโครงสร้างหนี้เหล่านั้น
ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา แอ็กเซิล คิซิลลอฟ ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน(20)ว่า อาร์เจนตินาจะออกคูปอง หรือดอกเบี้ยรอบใหม่ที่ครบกำหนดปันผลในวันที่ 30 กันยายน โดยทางรัฐบาลอาร์เจนตินาเลือกใช้ธนาคารสัญชาติอาร์เจนตินาเป็นตัวกลางในการจ่าย และย้ำว่าเป็นเพียงแค่เปลี่ยนสถานที่จ่ายเงิน และนี่เป็นหนทางที่จะทำให้นักลงทุนได้รับเงินดอกเบี้ยปันผล
ทั้งนี้การจ่ายปันผลดอกเบี้ยล่าสุดของตราสารหนี้ปรับโครงสร้างใหม่มูลค่า539 ล้านดอลลาร์ ยังคงค้างอยู่ที่ธนาคาร Bank of New York Mellon ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯได้สั่งระงับไม่ให้จ่ายเงินก้อนนี้แก่นักลงทุน
ก่อนหน้านี้อาร์เจนตินาปฎิเสธที่จะจ่ายหนี้เต็มจำนวนให้กับบริษัทเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ ซึ่งบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่เหล่านี้ปฎิเสธที่จะเข้าร่วมแผนการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งมโหฬารภายใต้กฎหมายอาร์เจนตินาในปี 2005 และปี 2010 โดยเฟร์นันเดซกล่าวว่า บริษัททางการเงินเหล่านี้ซื้อสินทรัพย์ทางการเงินมาในราคาเพียงเสี้ยวเดียวของมูลค่าตามหน้าตราสารในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศเมื่อ 10 กว่าปีก่อนหน้านี้
และแผนการเลี่ยงคำสั่งศาลสูงสหรัฐฯทำให้บริษัทออเรอุส แคปปิตอล แมเนจเมน แอลพี (Aurelius Capital Management LP)ได้ออกมาประนามการเคลื่อนไหวครั้งนี้ โดยประนามผู้นำของอาร์เจนตินาว่าเป็น “พวกนอกกฎหมาย”
“บรรดาผู้นำของอาร์เจนตินาเลือกที่จะเป็น “โจร” เพราะคนเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่าหลบเลี่ยงไม่ทำตามคำสั่งศาลสหรัฐฯ โกหกต่อศาล และยังท้าทายหมิ่นศาลแห่งประเทศอเมริกาอย่างสิ้นเชิง” บริษัทออเรอุส แคปปิตอล แมเนจเมน แอลพีแถลงตอบโต้อาร์เจนตินาเมื่อวานนี้(20)