เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันนี้ (20 ส.ค.) ว่า กองทัพกำลังดำเนินปฏิบัติการซ้อมรบระลอกใหม่ทางตอนใต้ของประเทศ ในเวลาที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซีย กับกองกำลังรัฐบาลเคียฟทางภาคตะวันออกของยูเครนยังคงทวีความร้อนระอุ
โฆษกของกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ว่า กองทัพจะทดสอบระบบต่อสู้อากาศยาน และต่อต้านขีปนาวุธ พิสัยไกลครั้งใหญ่ ณ ฐานทัพอาชูลุค ในแคว้นอัสตราฮัน ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากเขตสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครนออกไปหลายร้อยกิโลเมตร
สำนักข่าวรายงานคำพูดของ พ.อ.อิกอร์ คลิมอฟ โดยระบุว่า “วันนี้ (20) จะมีการยิงจรวด S-300 และ S-400 ราว 20 ครั้ง โดยระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศเหล่านี้ควรจะโจมตีศัตรูในสถานการณ์สมมติได้อย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งทำลายขีปนาวุธเป้าหมายทั้งในระดับสูงและระดับต่ำ”
เขากล่าวว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะจำลองสถานการณ์การโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยขีปนาวุธ โดยมีทหารเข้าร่วมกว่า 800 คน พร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ 200 ชิ้น
ระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศที่ใช้ในการฝึก มีลักษณะแตกต่างจากระบบต่อสู้อากาศยาน และต่อต้านขีปนาวุธ พิสัยกลาง “บุค” (Buk) ซึ่งเชื่อกันว่า กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียใช้ยิงเที่ยวบิน MH17 ของสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ตกทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ส่งผลให้มีลูกเรือและผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด 298 คน
ทั้งนี้ บรรดาชาติตะวันตกกล่าวหาว่า มอสโกเป็นผู้จัดหาระบบบุค ให้กลุ่มติดอาวุธในยูเครน แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และกล่าวโทษยูเครนว่า เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนั้น
ในฤดูร้อน รัสเซียได้จัดการซ้อมรบมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งโลกตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์ว่า แดนหมีขาวมีเจตนาจะคุกคามยูเครน