รอยเตอร์ - อียิปต์ในวันอังคาร (19 ส.ค.) เดินตามรอยอิหร่านและซีเรีย เรียกร้องเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อผู้ชุมนุมที่อ้างว่าโดนเหยียดผิวในเมืองเฟอร์กูสัน มลรัฐมิสซูรี ความเคลื่อนไหวที่เสมือนเป็นการตอกหน้าวอชิงตัน ที่เคยใช้ถ้อยคำแบบเดียวกันเตือนอียิปต์เมื่อครั้งที่ไคโรปราบปรามผู้ประท้วงอิสลามิสต์เมื่อปีก่อน
ก่อนหน้านี้อิหร่านและซีเรียคู่อริของสหรัฐฯ ต่างก็ออกมาโจมตีวอชิงตัน แต่ด้วยที่พวกเขามักวิพากษ์วิจารณ์วอชิงตันบ่อยครั้ง ความเคลื่อนไหวออกมาประณามชาติผู้บริจาคหลักของอิยิปต์จึงเป็นท่าทีที่ไม่ปกตินัก และไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมไคโรถึงออกถ้อยแถลงลักษณะนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและไคโรอยู่ในภาวะตึงเครียด หลังจากกองกำลังอิยิปต์สังหารฝ่ายสนับสนุนขบวนการภราดรภาพมุสลิมหลายร้อยคน ตามหลังกองทัพโค่นล้มอำนาจโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีคนแรกของประเทศ ในเดือนกรกฏาคม 2013
ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของอียิปต์ต่อเหตุความไม่สงบในเฟอร์กูสัน มีใจความคล้ายกับถ้อยแถลงของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 ซึ่งคราวนั้นทำเนียบขาว เรียกร้องกองกำลังด้านความมั่นคงใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดและจัดการกับการชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซีอย่างระมัดระวัง
กระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ยังบอกด้วยว่า พวกเขากำลังจับตาสถานการณ์การประท้วงที่ลุกลามในเฟอร์กูสันอย่างใกล้ชิด หลังจากเหตุความไม่สงบกระพือขึ้นจากเหตุตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวสีไม่มีอาวุธเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม
ด้าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ทวิตข้อความเกี่ยวกับความยุ่งเหยิงในเฟอร์กูสัน เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยวิจารณ์สหรัฐฯว่าเป็นพวกเกลียดชังคนอื่นและไม่น่าไว้วางใจ นอกจากนี้เขายังเชื่อมโยงความไม่สงบกับอิสราเอล ผู้สนับสนุนของวอชิงตันและชาติคู่อริของเตหะราน
“การปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับคนผิวสี ไม่ใช่พฤติกรรมต่อต้านสิทธิมนุษยชนอย่างเดียวของรัฐบาลสหรัฐฯ อเมริกายังให้ไฟเขียวอิสราเอลก่ออาชญากรรมด้วย” เขาเขียนในวันจันทร์ (18) พร้อมระบุว่าวอชิงตันคือผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำนักข่าวฟาร์ส นิวส์ รายงานคำสัมภาษณ์ของทัคช์ต ราวานชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ฝ่ายกิจการยุโรปและอเมริกา บอกเมื่อวันจันทร์(18) กล่าวหาวอชิงตันว่ามีพฤติกรรมเหยียดผิวและกดขี่
ในซีเรีย อีกหนึ่งปรปักษ์ของสหรัฐฯ สำนักข่าวแห่งรัฐ “ซานา” กล่าวหาตำรวจในเฟอร์กูสัน เหยียดผิวและมีพฤติกรรมกดขี่ ส่วนสื่อมวลชนฝักใฝ่รัฐบาลในตุรกี ซึ่งเคยถูกอเมริกาวิพากษ์วิจารณ์ต่อปฏิบัติการปราบปรามผู้ประท้วงรอบสวนสาธารณะเกซีในอิสตันบูล เมื่อปีที่แล้ว ก็ออกมาเอาคืนวอชิงตันเช่นกัน “คุณส่งเสียงโวยวายตอนเกิดเหตุที่เกซี พวกคุณมันเป็นพวกสองมาตรฐาน”
ท่ากลางเสียงประณามจากชาติปรปักษ์ ก็มีรายงานว่าตำรวจในเมืองเซนต์หลุยส์ของสหรัฐฯ ก็ยิงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตอีกคนในวันอังคาร (19) ไม่ห่างจากย่านที่เป็นฉากแห่งการประท้วงต่อกรณีเจ้าหน้าที่ยิงวัยรุ่นผิวดำเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่พิธีฝังศพของเขาจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า (25)
แซม ดอตสัน ผู้บัญชาการตำรวจเซนต์หลุยส์ ระบุในทวิตว่าเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่รุดลงไปตรวจพื้นที่หลังได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ และพบชายคนหนึ่งอยู่ในอาการกระวนกระวาย ถืออาวุธมีดตะโกนว่า “ฆ่าฉันที” และเดินตรงเข้าหาเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเหล่านั้น
ผู้บัญชาการตำรวจรายนี้ระบุในทวิตเตอร์ต่อว่า “เจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ต้องสงสัยวางอาวุธ แต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยความกังวลต่อความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายจึงลั่นไกลและผู้ต้องสงสัยก็ถึงแก่ความตาย”