เอเอฟพี / เอเจนซีส์ - อังกฤษส่งความช่วยเหลือทางอากาศชุดที่สองให้กับผู้ลี้ภัยทางตอนเหนือของอิรัก พร้อมจัดเตรียมเครื่องบินขับไล่ทอร์นาโดไว้คอยสนับสนุนตรวจการณ์ให้กับปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม ทำให้มีการคาดคะเนมากขึ้นอีกว่าอังกฤษอาจจะเข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในการโจมตีนักรบญิฮัดในอิรัก
สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของอังกฤษ ระบุว่า กองทัพอากาศของอังกฤษถูกบีบให้ต้องละทิ้งภารกิจส่งความช่วยเหลือทางอากาศในวันจันทร์ (11 ส.ค.) เนื่องจากเกรงว่าอาจจะทำให้ประชาชนบนพื้นดินได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากนั้นได้ใช้ความพยายามใหม่ตลอดทั้งคืนทำให้ภารกิจนี้สำเร็จในที่สุด
สำหรับสิ่งของช่วยเหลือทั้งสองชุดที่ถูกปล่อยลงไป ซึ่งมีทั้งน้ำและโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ชาร์จโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ด้วย
ทางด้านทำเนียบนายกฯ ระบุว่า อังกฤษกำลังเตรียมที่จะใช้เครื่องบินขับไล่ไอพ่น “ทอร์นาโด” จำนวนไม่มากนัก เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่จะช่วยสนับสนุนภารกิจส่งความช่วยเหลือทางอากาศให้กับผู้ที่กำลังหลบหนีกองกำลังของกลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)
โฆษกของทำเนียบฯ ระบุว่า อังกฤษได้ตัดสินใจเตรียมการสำหรับให้เครื่องบินรบ “ทอร์นาโด” จำนวนไม่มากนักเข้าไปปฏิบัติการในภูมิภาคนั้น เพื่อที่จะได้ใช้สมรรถนะในด้านการตรวจการณ์ของเครื่องบินรุ่นนี้ มาช่วยรวบรวมข้อมูลซึ่งจะทำให้เข้าใจสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น อันจะช่วยสนับสนุนภารกิจความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
“นี่จะเป็นบทบาทคล้ายๆ กับที่เครื่องบินทอร์นาโดเคยทำในสหราชอาณาจักรช่วงก่อนหน้าในปีนี้ โดยคอยรวบรวมข่าวสารในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม” โฆษกของทำเนียบฯ กล่าว
ทั้งนี้ รัฐมนตรีอังกฤษหลายคนได้ออกมาย้ำอยู่บ่อยครั้ง ว่า ยังไม่มีแผนที่จะร่วมมือกับทางสหรัฐฯ ในการส่งกำลังรบเข้าโจมตีกลุ่ม “รัฐอิสลาม” แต่สำหรับผู้คนไม่น้อย การส่งเครื่องบินรบไปเตรียมพร้อมเช่นนี้ หมายถึงมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น
หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทมส์ ได้รายงานข่าวความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไว้ในหน้าแรกโดยพาดหัวว่า “เครื่องบินเจ็ตพร้อมรบ” และยังอ้างถึงแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมผู้ไม่เปิดเผยนาม ที่ระบุว่าภารกิจนี้อาจจะพลิกโฉมในเวลาไม่กี่อึดใจไปเป็นการทำศึกสู้รบ
ทั้งนี้ เหล่านายพลที่ปลดเกษียณไปแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงพลเอก ริชาร์ด เชอร์เรฟ ผู้เคยเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดของอังกฤษในกองทัพนาโตจนถึงช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ลาออกจากกองทัพไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่างพากันเรียกร้องให้อังกฤษแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้น
เชอร์เรฟ บอกกับเดอะไทมส์ว่า อังกฤษอาจจะ “หวาดกลัว” ไม่กล้าจัดส่งกำลังเข้าไปก่อนหน้าการเลือกตั้งในอิรักช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่มาถึงตอนนี้ถ้ามัวแต่ไม่ทำอะไรและคอยโกหกไปเรื่อยๆ แบบนี้ สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายลงทุกที
ทั้งนี้ การตัดสินใจที่จะใช้กำลังทหารในอิรัก จะต้องได้รับการโหวตเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนฯ โดยก่อนหน้านี้กองทัพอังกฤษได้ถอนกำลังออกมาจากอิรักตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ เข้ายึดครองประเทศในตะวันออกกลางแห่งนี้กว่า 8 ปี
อย่างไรก็ตาม รัฐสภาของอังกฤษยังอยู่ในช่วงปิดการประชุมไปจนถึงวันที่ 1 กันยายน แม้ว่าจะมีสมาชิกหลายคนที่เรียกร้องให้กลับมาประชุมกันอีกครั้ง แต่ทางรัฐบาลก็ยืนยันว่ายังไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้นในตอนนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “เดวิด คาเมรอน” ต้องเสียหน้าอย่างมาก หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาไม่อนุมัติการโจมตีทางอากาศในประเทศซีเรีย