เอเอฟพี - วาติกันเรียกร้องให้บรรดาผู้นำมุสลิมออกมาประณามความป่าเถื่อนโหดเหี้ยมของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์รัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่กว้างขวางทั่วอิรัก พร้อมระบุว่า ไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับ “อาชญากรรมที่เลวร้ายเกินจะพรรณนา” ของพวกเขา
“สถานะที่น่าสยดสยองของชาวคริสเตียน ชาวยาซิดี รวมถึงชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและเชื้อชาติอื่นๆในอีรัก ต้องการจุดยืนที่กล้าหาญและชัดเจนจากบรรดาผู้นำศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะมุสลิม” สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนากล่าวในถ้อยแถลง
ทางสภาได้ระบุว่า กองกำลังรัฐอิสลามมีความผิดฐานกระทำการตัดศีรษะมนุษย์อย่างเหี้ยมโหม , การฆ่าโดยการตรึงกางเขน และแขวนคอศพในสถานที่สาธารณะ , การลักพาตัวผู้หญิงและเด็กสาว, กระทำการขริบอวัยวะเพศสตรีอย่างป่าเถื่อน และอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
สภาแห่งนี้กล่าวอีกว่า “ไม่มีเหตุผล...และแน่นอนว่าไม่มีศาสนาใดที่สามารถให้เหตุผลอันชอบธรรมต่อความป่าเถื่อนเช่นนี้” และเรียกร้องให้ “ทุกๆ คนร่วมกันรุมประณามการก่ออาชญากรรมเหล่านี้ และประณามการใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการก่อกรรมทำเข็ญ”
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซิลวาโน โทมาซี เอกอัครราชทูตนครรัฐวาติกันประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวให้การสนับสนุนการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯเพื่อจำกัดยับยั้งการรุกคืบของกลุ่มติดอาวุธพวกนี้ พร้อมเรียกร้องให้ “เข้าแทรกแซงในตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
การที่เขายอมรับว่า “ปฏิบัติการทางทหารอาจเป็นสิ่งจำเป็น” เป็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักต่อนโยบายแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติของวาติกัน ท่ามกลางกระแสรายงานจำนวนมากจากบรรดาบุคคลสำคัญของนิกายในพื้นที่ ระบุว่าการไล่ฆ่าชาวคริสต์กำลังกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ปัจจุบัน ประชาชนหลายแสนคนได้หลบหนีลี้ภัยออกจากบ้านเรือนของพวกเขาในภาคเหนือของอิรัก เนื่องจากการรุกคืบอย่างรวดเร็วของกลุ่มนักรบญิฮาดรัฐอิสลาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้คนราว 100,000 คนถูกบีบให้ต้องละทิ้งเมืองการากอช ซึ่งมีประชากรชาวคริสต์มากที่สุดของอิรัก ขณะที่สมาชิกหลายพันคนของชุมชน ยาซิดี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยก็ได้ลี้ภัยไปที่ภูเขาแห่งหนึ่งเพื่อหลบหนีการรุกคืบของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงกลุ่มนี้