รอยเตอร์/เอเอฟพี – ราอัด ฮาตุล จานนาห์ Raudhatul Jannah เด็กหญิงชาวอินโดนีเซียวัย 14 ปี ที่คาดว่าเสียชีวิตจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ สึนามิปี 2004 ได้พบหน้ากับครอบครัวอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังจากที่น้าชายของเธอบังเอิญเดินผ่านเด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับหลานสาวที่สูญหายไปในวัย 4 ปี ในขณะที่พี่ชายของเธอ อารีฟ ปราตามา รางกูตี (Arief Pratama Rangkuti) ยังคงสูญหาย ด้านครอบครัวเด็กหญิงไม่ต้องการตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (8) ว่า ราอัด ฮาตุล จานนาห์ (Raudhatul Jannah) เด็กหญิงอินโดนีเซียวัย 14 ปี ในปัจจุบันได้พบกับครอบครัวอีกครั้งหลังสูญหายไปในเหตุการณ์มหันตภัยสึนามิครั้งใหญ่ปี 2004 เมื่อเธอมีอายุเพียง 4 ปีพร้อมพี่ชาย อารีฟ ปราตามา รางกูตี (Arief Pratama Rangkuti) วัย 7 ปีในขณะนั้น โดยเธอและพี่ชายได้ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดสูญหายจากบ้านในเมอลาโบห์ (Meulaboh) จังหวัดอาเจห์ ( Aceh ) อินโดนีเซีย
โดย จานนาห์ ได้เล่าว่า เธออยู่บนแผ่นไม้พร้อมพี่ชายวัย 7 ปี และหลังจากนั้นเมื่อรู้สึกตัวอีกที หนูน้อยจานนาห์ขึ้นฝั่ง ในขณะที่พี่ชายของเธอไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน และในขณะนี้ยังคงสูญหายอยู่
“สิ่งที่หนูจำได้คือหนูและพี่ชายกำลังคุยกันในขณะที่อยู่บนแผ่นไม้ และหลังจากนั้นพักใหญ่นานมากผู้คนพากันเข้ามาช่วย และในทรงจำถัดมาที่หนูจำได้คือหนูอยู่บนฝั่งแล้ว แต่พี่ชายยังอยู่บนแผ่นไม้” จานนาห์ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ และเธอคาดว่าหากเธอยังมีชีวิต พี่ชายที่สูญหายก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน
ทั้งนี้ จานนาห์ถูกพบห่างไปเกือบ 128 กม. ทางใต้ และได้รับอุปการะโดยมาร์ยาม (Maryam) หญิงชาวอินโดนีเซียสูงอายุ และในขณะนี้เด็กหญิงวัย 14 ปีกลับมาอาศัยกับครอบครัวแท้ๆ ของตนเองอีกครั้ง
เอเอฟพีรายงานว่า น้าชายของจานนาห์บังเอิญสังเกตเห็นเด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหลานสาววัย 4 ปี ที่สูญหายไปเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ดังนั้น น้าชายผู้นี้ได้เริ่มตามหาเด็กหญิงวัยรุ่นลึกลับนี้ ได้รู้ว่าเธอถูกช่วยชีวิตไว้ได้ในวัยเด็ก โดยชาวประมงในพื้นที่คนหนึ่ง และชายผู้นี้ได้ขอให้แม่ของเขารับอุปการะเด็กหญิงวัย 4 ปี
ครอบครัวหนูน้อยได้พบหน้ากันอีกครั้งในวันพุธ (6) หลังจากที่ต่างทั้งหัวเราะและร้องไห้ รวมถึงเล่าเรื่องต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายประสบมา จามาเลียห์ (Jamaliah) มารดาตามสายเลือดของจานนาห์ กล่าวว่า เธอรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ในทันทีว่านี่เป็นลูกสาวของเธอที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้วในสึนามิครั้งใหญ่
และทางครอบครัวไม่มีแผนที่จะตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ เนื่องจากมั่นใจในความละม้ายจากภาพถ่ายในวัยเด็กของเธอ “นี่เป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ เมื่อดิฉันได้เห็นเวนนี (Wenni) ดิฉันรู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกสาวของดิฉันแน่นอน ประกอบกับรูปภาพในวัยเด็กของเธอเมื่อดิฉันได้รับเธอกลับบ้าน เป็นลูกสาวที่หายไปของดิฉันแน่นอน”
“ครอบครัวอุปถัมภ์ของจานนาห์อนุญาตให้ทางเราสามารถนำจานนาห์กลับมาอยู่ที่บ้านได้ แต่ทางเรามีความประสงค์อยากให้มาร์ยามย้ายมาอยู่กับเรา ในฐานะเป็นแม่คน ดิฉันเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกเช่นไร เพราะคนทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนานถึง 10 ปี ดังนั้น ดิฉันจึงไม่ต้องการพรากพวกเขาออกจากกัน ดิฉันต้องการถนอมความรู้สึกของคนทั้งคู่ไว้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถแยกคนทั้งคู่ได้อย่างทันที” จามาเลียห์ กล่าวต่อ
ในปี 2011 วาตี เด็กหญิงวัย 15 ปี ชาวอินโดนีเซียได้พบหน้ากับครอบครัวอีกครั้งหลังจากพลัดพรากนานถึง 7 ปี จังหวัดอาเจะห์อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางเกิดสึนามิในมหาสมุทรอินเดียมากที่สุด ที่มีคนอย่างน้อย 170,000 คน เสียชีวิตเฉพาะที่นี่ที่เดียว และทำให้ผู้คนและอีกกว่าหมื่นคนจาก 14 ประเทศ รวมถึงไทยต้องจบชีวิตลง