ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชายชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามวัย 66 ปี บินข้ามโลกมาตามหาภรรยาและลูกสาวที่ จ.สงขลา หลังพลัดพรากกันมา 34 ปี ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม โดยภรรยากับลูกสาวถูกโจรจับตัวไปกลางทะเลระหว่างล่องเรือลี้ภัย
วันนี้ (13 ก.พ.) นายตี๋ แซ่ลิ่ม อายุ 66 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกา เดินทางข้ามโลกมากับ นายธีรวุฒิ วัฒนาเกียรติ อายุ 62 ปี เพื่อนชาวไทย เพื่อตามหาภรรยาและลูกสาวที่ จ.สงขลา หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันมา 34 ปี ในสมัยสงครามเวียดนามเมื่อปี 2523 ระหว่างที่ล่องเรือลี้ภัยแต่ภรรยากับลูกสาวถูกโจรจับตัวไปกลางทะเล เหลือเพียงรูปถ่ายของทั้งสองคนเพียงใบเดียวที่ยังเก็บไว้ในความทรงจำและยังรอคอยวันที่จะได้พบหน้ากัน
นายตี๋ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อเดือน ธ.ค. พ.ศ.2523 ตนและครอบครัวได้ลี้ภัยสงครามเวียดนามล่องเรือมายังประเทศไทย โดยตนล่องเรือมาก่อนพร้อมลูกชายอีกคน และมาขึ้นฝั่งที่ จ.ปัตตานี และถูกส่งมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยที่ชุมชนเก้าเส้ง เขตเทศบาลนครสงขลา จากนั้นอีก 2 อาทิตย์ภรรยา นางจาโบ้ว หรือนึง แซ่โค้ว ซึ่งขณะนั้นอายุ 26 ปี พร้อมลูกชายและลูกสาวคนสุดท้องชื่อ ด.ญ.ยูอี่ อายุ 18 เดือน ล่องเรือตามมาทีหลังพร้อมกับญาติๆ
แต่มาทราบจากญาติที่พบกันในภายหลัง หลังจากที่เรือมาขึ้นฝั่งที่ จ.สงขลา ว่าภรรยาและลูกสาวของตนถูกโจรจับตัวไประหว่างการเดินทางกลางทะเล เหลือเฉพาะลูกชายอีกคนที่รอดมาได้และไม่มีใครรู้ว่าถูกจับตัวไปไว้ที่ใด ซึ่งญาติเล่าให้ฟังว่าเรือลี้ภัยที่ภรรยาล่องมา เครื่องเกิดเสียหลังจากออกจากเมืองกามาวประเทศเวียดนามได้เพียง 1 ชั่วโมง และต้องลอยลำอยู่กลางทะเลถึง 14 วัน และถูกโจรปล้นเรือถึง 24 ครั้ง กวาดเอาไปทรัพย์สินไปหมด แต่ครั้งสุดท้ายกลุ่มโจรได้ลักพาตัวภรรยากับลูกสาวคนเล็กไปด้วย ก่อนที่ลมจะพัดพาเรือขึ้นฝั่งในพื้นที่ จ.สงขลา จากนั้นจึงไม่ทราบชะตากรรมของทั้งสองคนอีกเลย ซึ่งหากทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้ภรรยาตนมีอายุ 59 ปี ส่วนลูกสาวอายุ 34 ปี
นายตี๋ กล่าวเพิ่มว่า หลังจากถูกนำมาพักอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่เก้าเส้งเป็นเวลา 2 เดือน ตนและลูกชายอีกสองคนได้ถูกส่งตัวไปพักที่ อ.พนัสนิคม อีก 3 เดือน ก่อนถูกส่งต่อไปยังกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์อีก 6 เดือน สุดท้ายได้ลี้ภัยไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบันโดยได้ยึดอาชีพขับรถแท๊กซี่
แต่ระยะหลังมีชาวเวียดนามที่ลี้ภัยไปอยู่ในอเมริกาซึ่งประสบชะตากรรมเดียวกับตน สามารถตามหาลูกหรือญาติที่พลัดพรากกันมาสมัยสงครามเวียดนามจนเจอในประเทศไทย โดยเฉพาะในหลายจังหวัดของภาคใต้ที่เรือมาขึ้นฝั่งจึงอยากจะออกตามหาภรรยาและลูกสาว เนื่องจากยังมีความหวังว่าทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่และมีโอกาสที่จะได้พบหน้ากันอีกครั้งพร้อมจะรับทั้งสองคนไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกันหากยังไม่มีพันธะหรือครอบครัวใหม่และยินดีที่จะไป
ขณะที่ นายธีรวุฒิ เพื่อนสนิทของนายตี๋ บอกว่า นายตี๋ได้ขอความช่วยเหลือตนให้ช่วยพามาประเทศไทยเพื่อตามหาภรรยาและลูก เพราะเชื่อว่าน่าจะอยู่ใน จ.สงขลา โดยได้พาไปพบกับตำรวจที่ สภ.สทิงพระ และสภ.เมืองสงขลา และมอบรูปถ่ายให้ตำรวจช่วยหาเบาะแส ตรวจสอบคดีย้อนหลังเกี่ยวกับชาวเวียดนามที่อพยพขึ้นฝั่งที่ จ.สงขลาในช่วงปี 2523 แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมานาน หลังจากนี้ก็จะเข้าขอความช่วยเหลือจากผู้ประสานงานในไทยของมูลนิธิ CNCF ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยตามหาคนหายทั่วโลก ตั้งอยู่ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยหากใครที่พบเบาะแสสามารถแจ้งได้ทางอีเมล terywoo@yahoo.com หรือสื่อมวลชนในประเทศไทย