เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – สายการบินระหว่างประเทศต่างพากันหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางบินผ่านน่านฟ้าของอิรักในวันศุกร์ (8 ส.ค.) หลังจากวอชิงตันออกคำสั่งห้ามพวกเครื่องบินโดยสารของอเมริกันให้ออกห่างจากอิรัก ในทันทีที่กองทัพสหรัฐฯเปิดการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มนักรบอิสลามิสต์ญิฮัด
ตามข้อมูลจากพวกเว็บไซต์ที่คอยติดตามเที่ยวบินต่างๆ แบบเรียลไทม์ พวกเที่ยวบินทั้งที่บินเข้าไปและบินออกมาจากอาณาบริเวณอ่าวเปอร์เซียตลอดจนพื้นที่ถัดไปจากนั้น ซึ่งปกติแล้วจะใช้เส้นทางผ่านน่านฟ้าของอิรัก เวลานี้ต่างหันมาใช้เส้นทางคู่ขนานซึ่งจะบินผ่านอิหร่านแทน
ไฟลต์เรดาร์24.คอม (Flightradar24.com) 1 ในเว็บไซต์ดังกล่าว แสดงข้อมูลให้เห็นว่า ในช่วงคืนวันศุกร์ (8) ตามเวลาของตะวันออกกลางนั้น เครื่องบินของสายการบินจำนวนมากต่างกำลังบินไปตามเส้นทางผ่านภาคตะวันตกของอิหร่าน และในทางเป็นจริงแล้วไม่มีสักลำเดียวที่กำลังบินเหนืออิรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
แดเนียล เบเกอร์ แห่งเว็บไซต์ ไฟลต์อะแวร์.คอม (FlightAware.com) ซึ่งตั้งฐานอยู่ในสหรัฐฯกล่าวเสริมว่า ยังคงเห็นเครื่องบินพาณิชย์ที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯบางลำ กำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าอิรัก ทว่าส่วนใหญ่แทบทั้งหมด ต่างกำลังใช้เส้นทางบินที่เลยขึ้นไปทางเหนือ ตรงบริเวณพรมแดนระหว่างตุรกีกับอิหร่าน โดยหลีกเลี่ยงทั้งอิรัก และซีเรียซึ่งก็กำลังเกิดสงครามกลางเมือง
สายการบินในยุโรปหลายแห่ง ได้ออกมาบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่บินเหนือน่านฟ้าอิรักแล้ว เป็นต้นว่า บริติช แอร์เวย์ ของอังกฤษ, ลุฟต์ฮันซา ของเยอรมนี ตลอดจน ออสเตรียน แอร์ไลน์ ที่เป็นสายการบินในเครือ ขณะที่ทาง สายการบิน สวิส ใช้วิธีเดียวกับ แอร์ฟรานซ์, เอมิเรตส์, เคแอลเอ็ม, และ เวอร์จิน แอตแลนติก นั่นคือทำเช่นนี้อย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดตูมตามออกมา โดยที่บางรายได้หลีกเลี่ยงไม่บินผ่านอิรักมา 2 สัปดาห์แล้วด้วยซ้ำ
สำนักงานบริหารการบินสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ในกรุงวอชิงตัน ได้สั่งห้ามเที่ยวบินพลเรือนของสหรัฐฯทั้งหมดบินเหนืออิรัก ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเครื่องบินรบอเมริกันเข้าทิ้งระเบิดโจมตีที่มั่นต่างๆ ซึ่งยึดเอาไว้โดยพวกนักรบก่อความไม่สงบ “รัฐอิสลาม” (Islamic State ก่อนหน้านี้กลุ่มนี้เคยใช้ชื่อว่า รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ ISIL หรือ รัฐอิสลามแห่งอิรักและอัล-ชาม ISIS) ทั้งนี้ นักรบอิสลามิสต์นิกายสุหนี่เหล่านี้กำลังครอบครองพื้นที่จำนวนมากในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกของอิรัก
คำสั่งห้ามของ เอฟเอเอ ซึ่งอยู่ในรูปของเอกสาร “ประกาศถึงนักบิน (Notice to Airmen หรือ NOTAM) ฉบับหนึ่ง สำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯหยิบยกเรื่อง “สถานการณ์ที่อาจจะเป็นอันตราย ซึ่งเกิดขึ้นจากการสู้รบขัดแย้งกันด้วยอาวุธ” ระหว่างพวกนักรบของรัฐอิสลาม กับกองกำลังความมั่นคงของฝ่ายอิรัก “ตลอดจนพันธมิตรของพวกเขา” มาเป็นเหตุผลของการสั่งแบนบินเหนือน่านฟ้าอิรักอย่างไม่มีกำหนด
การสั่งห้ามนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ประกอบการอากาศยานขนส่งทางอากาศและทางพาณิชย์ของสหรัฐฯทั้งหมด” รวมทั้งนักบินที่ขึ้นทะเบียนกับสหรัฐฯด้วย ยกเว้นว่าพวกเขากำลังขับเครื่องบินซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐฯให้กับผู้ประกอบการต่างประเทศ
สายการบินที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดจากคำสั่งห้ามของ เอฟเอเอ คราวนี้ ได้แก่ เดลตา และ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ซึ่งต่างก็มีเที่ยวบินระหว่างที่หมายในแถบอ่าวเปอร์เซียกับที่หมายในสหรัฐฯ ถึงแม้ข้อมูลจากพวกเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบินแสดงให้เห็นว่า เดลตา กำลังใช้เส้นทางบินหลีกเลียงอิรักอยู่แล้ว
ทางด้าน ยูโรคอนโทรล (Eurocontrol) ที่เป็นสำนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป ได้นำเอา “ประกาศถึงนักบิน” ฉบับนี้ของ เอฟเอเอฟ มาโพสต์ต่อในเว็บไซต์ของตนเมื่อวันศุกร์ (8) แต่ไม่มีการออกประกาศอะไรของตนเอง
วงการการบินระหว่างประเทศบังเกิดความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวด ในเรื่องที่เที่ยวบินต่างๆ ใช้เส้นทางบินซึ่งมีการข้ามเขตที่กำลังเกิดการสู้รบ ภายหลังจากเที่ยวบิน 17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ซึ่งกำลังบินจากอัมสเตอร์ดัม มุ่งสู่กัวลาลัมเปอร์ ถูกยิงตกเหนือบริเวณภาคตะวันออกของยูเครน ที่เกิดการสู้รบกันระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย กับกองทัพยูเครน ทำให้ผู้อยู่บนเครื่องบินทั้ง 298 คนเสียชีวิตทั้งหมด
ในวิกฤตกาซา ที่อิสราเอลถล่มโจมตีดินแดนฉนวนกาซาอย่างแหลกลาญโหดเหี้ยม และกลุ่มฮามาสก็ยิงจรวดเข้าใส่ดินแดนรัฐยิวอยู่ในเวลานี้ เอฟเอเอก็ได้สั่งห้ามเครื่องบินพาณิชย์ของสหรัฐฯบินเข้าออกนครเทลอาวีฟของรัฐยิว หลังจากมีจรวดของกลุ่มฮามาสลูกหนึ่งตกลงใกล้ๆ ท่าอากาศยานเบนกูเรียนของนครแห่งนั้น ทว่าไม่นานนักก็มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ภายหลังรัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มล็อบบี้เพื่ออิสราเอลอันทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ออกมาโวยวายและออกแรงกดดันอย่างหนัก
