xs
xsm
sm
md
lg

จากคึกคักกลายเป็นเมืองร้าง ชาวยูเครนพากันหนีตายออกจากโดเน็ตสก์ที่ถูกปิดล้อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศอันเงียบเหงาในโดเน็ตสก์ มีป้ายโฆษณาปลุกระดมของกองกำลังฝ่ายกบฏติดอยู่ตามอาคาร
เอเอฟพี - ถนนสายสำคัญๆ ที่ปกคลุมด้วยเงาไม้ร่วมรื่นในใจกลางเมืองโดเน็ตสก์ที่ครั้งหนึ่งเคยคึกคักจอแจไปด้วยผู้คนมากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นที่รกร้างหลังจากที่การต่อสู้เริ่มกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่สถานีรถไฟอันหรูหราจากยุคสตาลิน ซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏยูเครนเท่านั้น ที่ยังมีผู้คนให้เห็น

ในขณะที่เสียงกระสุนปืนครกตกกระทบบริเวณเมืองศูนย์กลางกิจการเหมืองแร่ซึ่งเคยเป็นจุดศูนย์รวมของคนนับล้านในแต่ละวันแห่งนี้ ทำให้มีชาวบ้านจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังขนของหนีออกจากโดเน็ตสก์ที่ถูกกระชับวงล้อมโดยรัฐบาลยูเครน

"พวกเขากำลังถล่มที่นี่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องรีบหนีไปให้พ้น" ลูบอฟ หญิงผู้มีดวงตาสีเทาและมัดผมเป็นมวย บอกถึงเหตุผลที่เธอต้องหนีออกจากบ้านซึ่งอยู่ในตำบลใกล้ๆ

"เราทิ้งทุกอย่างแล้วหนีออกมา" เธอกล่าว พร้อมกับบอกอีกว่า เธอจะไปเมืองดนิโปรเปตรอฟสก์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลยูเครน ห่างออกไปทางตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร ซึ่งที่นั่นมีลูกชายกับน้องสาวของเธออาศัยอยู่

ที่สถานีรถไฟแห่งนี้ ยังมีอีกหลายครอบครัวที่พากันยืนรอบๆ บรรดากระเป๋าจำนวนมาก ซึ่งมีแม้กระทั่งกรงนก พวกเขากำลังรอที่จะเดินทางหนีออกจากเมืองอย่างใจจดใจจ่อ

"บ้านของเราและหลังข้างๆ โดนไฟไหม้จนหมด ถนนทั้งสายก็โดนระเบิด เราก็เลยต้องไปบ้านของลูกสาวที่มอสโก" ยูรี ชายหนวดเฟิ้มที่ดูอ่อนล้ากล่าว เขากับครอบครัวและเพื่อนบ้านออกเดินทางมาจากเมืองชัคเตอร์ มาถึงสถานีรถไฟแห่งนี้

ถนนที่ตกแต่งประดับประดาไว้อย่างสวยงามบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคู่รักวัยรุ่นหรือบรรดาครอบครัวชอบพากันมาเดินเล่น ตอนนี้กลับเงียบเหงาน่าวังเวง ทั้งๆ ที่มีอากาศอบอุ่นในช่วงหน้าร้อนแท้ๆ

ร้านค้าและอาคารที่พักอาศัยจำนวนมากพากันติดเทปกาวเป็นรูปตัว X ที่บริเวณหน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตกกระจายในกรณีที่มีการระเบิด นอกจากนี้ยังมีป้ายแขวนไว้ตามประตูของอาคารที่พักเหล่านั้น เพื่อบอกทางไปยังจุดหลบภัยที่ใกล้ที่สุด และแน่นอนว่าบรรดาศูนย์การค้า ร้านรวงและห้องสมุด ต่างก็พากันปิดเกือบหมด

ทหารของฝ่ายกบฏยูเครนคนหนึ่งที่สวมเสื้อกันกระสุนลายพรางพร้อมผ้าพันคอ เดินส่ายอาดๆ ไปตามถนนสายหลักที่ไร้ผู้คน พร้อมกับเล็งปืนอาก้าจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง

"สถานการณ์ตอนนี้แย่ลงทุกวัน" โอลกา เอเยนต์ท่องเที่ยววัย 32 ปีกล่าว เธอคือหนึ่งในไม่กี่คนที่ออกมาเดินบนถนน

เธอบอกว่าครอบครัวของเธอได้หนีออกจากบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับสนามบินโดเน็ตสก์ มาอยู่กับเพื่อนๆ ในบริเวณใจกลางเมือง หลังจากที่โดนถล่มอย่างหนักตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

"ฉันวิ่งหนีออกมาพร้อมกับเด็กๆ ท่ามกลางห่ากระสุน มันเหมือนในหนังเลย น่ากลัวมากๆ" เธอกล่าวในขณะที่กำลังมองดูลูกชายวัยสองขวบที่เล่นอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักลูกชายของเธอก็เข้ามาขัดจังหวะแล้วบอกว่า เขากลัวเสียงปืน

ทางด้าน โอเล็ก ที่ขับมอเตอร์ไซค์ออกมาพร้อมกับ อีวาน ลูกชายวัย 12 ขวบ บอกว่านับตั้งแต่โรงงานของเขาปิดไปก็ทำให้เขาไม่มีงานส่งของให้ทำ

"สถานการณ์ในเมืองตอนนี้เฮงซวยมาก นี่พูดแบบสุภาพแล้วนะ" เขากล่าว

เมื่อถูกถามว่าเขาจะออกจากเมืองหรือไม่ เขาก็ส่ายหัวแล้วบอกว่า "ผมอยู่ที่เมืองนี้มา 50 ปีแล้ว ไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว"

สำหรับบางคนที่อยู่ในตำบลหรือหมู่บ้านใกล้ๆ โดเน็ตสก์คือที่พักพิงแห่งเดียวที่พวกเขามี

บริเวณรอบนอกของเมือง มีชาวบ้านมากกว่าพันคนที่หนีจากเมืองชัคเตอร์และกอร์ลิฟกาซึ่งเป็นพื้นที่แนวหน้าของการสู้รบ พากันเดินขวักไขว่อยู่แถวหอพักนักศึกษาที่เป็นอาคารคอนกรีตสร้างตั้งแต่ยุคสมัยสหภาพโซเวียต ซึ่งตอนนี้ดูแลโดยฝ่ายกบฏ

บรรดาเด็กๆ พากันวิ่งและเล่นฟุตบอลตามทางเดินที่มืดทึบ ในขณะที่พวกผู้หญิงจัดเรียงเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคมา แถวนั้นเกือบจะไม่มีผู้ชายให้เห็นเลย

ปันเตลี ทหารฝ่ายกบฏวัย 17 ปีจากเมืองกอร์ลิฟกาที่มาช่วยดูแลผู้ลี้ภัยระบุว่า พวกผู้ชายต้องอยู่ที่เมืองแนวหน้าคอยดูแลบ้าน รวมถึงต้องสู้รบด้วย

"เราลงชื่อพวกเขาเป็นทหารฝ่ายกบฏ หากพวกเขาต้องการ ส่วนรถโดยสารนั้นจะมีไว้ให้กับพวกผู้หญิงและเด็กเป็นหลัก" เขากล่าว

ผู้หญิงจำนวนมากสวมเพียงแค่ชุดผ้าฝ้ายสำหรับใส่อยู่บ้านและรองเท้าแตะ พวกเธอบอกว่าวิ่งหนีตรงดิ่งออกมาจากสวนผัก ไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุด

อย่างไรก็ตาม หอพักแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นที่หลบภัยที่ยังไม่อาจวางใจได้ เพราะฝ่ายกบฏที่ดูแลสถานที่แห่งนี้อยู่นั้น ตั้งที่มั่นอยู่ใกล้ๆ แถมยังมีการนำอิฐคอนกรีตมาขวางกั้นถนนด้านนอกเอาไว้ ทำให้ที่นี่อาจตกเป็นเป้าการโจมตี

แต่ถึงกระนั้น บรรดาผู้ลี้ภัยเหล่านี้ต่างก็บอกว่าดีใจที่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากที่ต้องคอยหลบซ่อนตัวให้พ้นจากการสู้รบเป็นเวลาหลายวัน

"ขอบคุณพระเจ้า หลังจากที่ต้องทนอยู่ในห้องหลบภัยใต้ดิน ที่นี่คือเพนเฮาส์ชัดๆ" กาลินา นางพยาบาลคนหนึ่งกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น