เอเอฟพี – ทางการฟิลิปปินส์ประกาศเตือนอีกครั้งในวันนี้ (31) ให้พลเมืองหลายพันคนเดินทางออกมาจากลิเบีย หลังจากพยาบาลชาวตากาล็อกรายหนึ่งถูกลักพาตัวและรุมโทรม ตามหลังเหตุสยองที่มีคนงานก่อสร้างชาวฟิลิปปินส์ถูกตัดศีรษะไปแล้วก่อนหน้า
กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ชาวฟิลิปปินส์ทั้งสิ้น 13,000 คน ที่พำนักในลิเบียจะได้รับการส่งตัวกลับประเทศ ขณะที่การปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธคู่ขัดแย้งเสี่ยงทำให้ลิเบียแตกแยกอย่างหนัก หลังจากผู้นำเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นอำนาจเมื่อ 3 ปีก่อน
กระทรวงการต่างประเทศประกาศเตือนล่าสุดในวันนี้ (31) ว่า “เราขอเรียกร้องอีกครั้งให้พลเมืองของเราที่ยังอยู่ในลิเบียทำการติดต่อกับสถานทูตฟิลิปปินส์ในกรุงตริโปลีและลงทะเบียนเพื่อการส่งกลับประเทศโดยด่วน”
การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่ทางกระทรวงยืนยันรายงานที่ว่า มีพยาบาลชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งถูกลักพาตัวและรุมโทรมที่ลิเบียเมื่อวานนี้ (30)
ชาร์ลส์ โฆเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สตรีเคราะห์ร้ายรายนี้ถูกจับตัวข้างนอกที่พักของเธอ และถูกนำตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกวัยรุ่นประมาณ 6 คนรุมโทรม
เธอถูกปล่อยตัวหลังจากนั้นราว 2 ชั่วโมง และคณะกงสุลฟิลิปปินส์ก็ได้นำเธอไปส่งที่โรงพยาบาล
ทางการฟิลิปปินส์มีคำสั่งให้พลเมืองเดินทางออกจากลิเบียเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม วันเดียวกันกับที่มีการพบศพคนงานก่อสร้างชาวตากาล็อกถูกตัดศีรษะที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองท่าเบงกาซี
โฆเซ เผยว่า ชายคนดังกล่าวถูกกลุ่มติดอาวุธลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม และถูกเลือกอย่างเจาะจง เพราะไม่ใช่ชาวมุสลิม
กระทรวงฯ ระบุว่า คณะกงสุลฟิลิปปินส์ยังคงอยูปฏิบัติหน้าที่ต่อในกรุงตริโปลี แม้ว่าสถานการณ์ความปลอดภัยจะไม่แน่นอนก็ตาม เพื่อจะได้ประสานงานการอพยพชาวฟิลิปปินส์ ไปยังตูนิเซียและอิยิปต์ ที่ซึ่งพวกเขาจะขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเกิดในที่สุด
รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังออกคำสั่งห้ามไม่ให้พลเมืองเดินทางไปยังลิเบียด้วย
ชาวแดนตากาล็อกราว 10 ล้านคนอาศัยและทำงานในต่างแดน โดยมีจำนวนมากอยู่ในแถบตะวันออกกลาง ทั้งนี้เพื่อแสวงหางานที่จ่ายค่าตอบแทนดีกว่า
นอกจากนี้ ทางการฟิลิปปินส์ยังออกคำสั่งให้พลเมืองที่อาศัยในฉนวนกาซาราว 100 คน อพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากอิสราเอลกำลังเร่งผลักดันปฏิบัติการจู่โจมกลุ่มติดอาวุธอามาส