พบชายชาวไลบีเรียต้องสงสัยอาจเป็นผู้ติดเชื้อ “อีโบลา” รายแรกในไนจีเรีย

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงสาธารณสุขไนจีเรียยืนยันในวันพฤหัสบดี (24) พบชายชาวไลบีเรียอายุราว 40 กว่าปีรายหนึ่ง ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ในกรุงลากอส เมืองหลวงด้านการค้าของไนจีเรีย หากผลตรวจยืนยันการติดเชื้อจะถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อไวรัสซึ่งยังไม่มีหนทางรักษาชนิดนี้เป็นรายแรกในไนจีเรีย นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

การยืนยันข่าวดังกล่าวของทางการไนจีเรีย สร้างความวิตกกังวลในวงกว้าง เพราะถือเป็นครั้งแรกของกรุงลากอสที่เป็นบ้านของประชากรมากกว่า 21 ล้านคนที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านสาธารณสุขอย่างเชื้อมรณะอีโบลา ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 660 รายในกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน

ขณะที่รายงานข่าวซึ่งอ้างโฆษกขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ขณะนี้ตัวอย่างเลือดของชายชาวไลบีเรียที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีโบลาในกรุงลากอส ได้ถูกทางการไนจีเรียส่งไปตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งที่อยู่ในความควบคุมของ WHO แล้ว

หากผลการตรวจสอบยืนยันว่าชายคนดังกล่าวเป็นผู้ติดเชื้ออีโบลาจริงจะเท่ากับว่าเป็นการพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นรายแรกในไนจีเรีย ประเทศที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ตลอดจนเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของทวีปนี้ ด้วยจำนวนประชากรกว่า 170 ล้านคน

ด้านเยวานเด อเดชินา ที่ปรึกษาพิเศษด้านสาธารณสุขในลากอส ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ชายต้องสงสัยชาวไลบีเรียรายดังกล่าวเกิดอาการเป็นลมหมดสติไป ระหว่างเดินทางจากประเทศบ้านเกิดมาถึงยังสนามบินลากอสตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (20) ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและถูกแยกตัวไว้รอดูอาการ

ล่าสุด ประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธาน ผู้นำไนจีเรียวัย 56 ปี ออกมายืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลไนจีเรียต้องนำมาตรการปิดกั้นพรมแดนมาใช้ แต่ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน “มาตรการเชิงตั้งรับ” ที่จำเป็นเพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้ออีโบลาในประเทศ