เอพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันร่วงแรง วานนี้ (24 ก.ค.) จากแนวโน้มอุปสงค์เบนซินในสหรัฐฯ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบ ได้ข้อมูลภาคแรงงานอันแข็งแกร่งเข้ามาพยุงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยนี้เองก็ฉุดให้ทองคำลงหนัก เหตุนักลงทุนขายสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 96 เซ็นต์ ปิดที่ 107.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ในรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 กรกฎาคม ลดลงเกือบ 4 ล้านบาร์เรล แต่ขณะเดียวกัน สต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงดีเซลที่ต่างก็กลั่นมาจากน้ำมันดิบ กลับเพิ่มขึ้นเกินคาดหมาย บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (24) ฟื้นตัวกลับมาปิดในกรอบแคบๆ หลังข้อมูลภาคแรงงานและรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ช่วยบรรเทาความกังวลต่อวิกฤตความรุนแรงในยูเครน และฉนวนกาซา
ดาวโจนส์ ลดลง 2.83 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,083.80 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.97 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,987.98 จุด แนสแดค ลดลง 1.59 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,472.11 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยในวันพฤหัสบดี (24) ว่า ยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2006 หรือเกือบ 2 ปีก่อนเริ่มต้นเข้าสู่ภาวะถดถอยรุุนแรง ช่วงปี 2008
สัญญาณการฟื้นตัวของภาคแรงงานนี้ กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ แล้วหันไปแสวงหาผลกำไรในตลาดหุ้นแทน และเป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้ (24) ร่วงลงหนัก โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 13.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,290.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน