เอเอฟพี/มาร์เกตวอชต์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯ วานนี้ (22) ขยับลง หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์อเมริกา ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวกลับฉุดให้ทองคำปิดลบ เหตุนักลงทุนขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 17 เซ็นต์ ปิดที่ 104.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 35 เซ็นต์ ปิดที่ 107.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันเปิดการซื้อขายในวันอังคาร ในแดนบวก หลังรัสเซียส่อเผชิฐมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงขึ้นและการสู้รบที่ดุเดือดในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็แกว่งตัวสู่แดนลบ หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ด้วยนักลงทุนคาดหมายว่าอเมริกาจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (22) ขยับขึ้น ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทและข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ายอดขายบ้านมือสองแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.81 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,113.54 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.90 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,983.53 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 31.31 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,456.02 จุด
แม้ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ของบริษัทต่างๆจะออกมาผสมผสาน แต่นักวิเคาะห์บอกว่าหากมองในภาพรวมแล้วยังถือว่าเป็นบวก ขณะเดียวกัน สมาคมอสังหาริมทรัพย์แห่งสหรัฐฯ ก็เผยว่ายอดขายบ้านในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เป็น 5.04 ยูนิต นับเป็นอัตราการขยายตัวร้อนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2013
ปัจจัยด้านบวกทางเศรษฐกิจข้างต้น กัดเซาะอุปสงค์ที่มีต่อสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้ (22) ปิดลบพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,306.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์