xs
xsm
sm
md
lg

ที่ประชุมเอดส์นานาชาติออกโรงประณาม “กม.ต้านชาวสีม่วง” ชี้เป็นปัจจัยทำ “เอชไอวี” ลุกลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - เหล่านักรณรงค์ในที่ประชุมโรคเอดส์นานาชาติกำลังเพ่งเล็งประเทศที่ออกกฎหมายต่อต้านชาวสีม่วง พร้อมทั้งกล่าวหาว่า ชาติเหล่านี้กำลังสร้างปัจจัยที่ทำให้เชื้อเอชไอวีแพร่กระจายออกไปราวกับยาพิษ
ฟรองซวส แบร์-ซีนูส์ซี ประธานร่วมในการประชุมโรคเอดส์นานาชาติ ครั้งที่ 20
ปัญหานี้ ซึ่งสร้างความกังวลใจหนักหน่วง ทั้งในประเด็นสิทธิมนุษยชนและสุขภาพ ส่อเค้าจะสร้างความแตกแยกอย่างรุนแรงระหว่างชาติตะวันตกผู้บริจาคเงิน ซึ่งกำลังสร้างความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ ในการเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมให้แก่ชาวสีม่วง กับประเทศยากจนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งยังคงบังคับใช้หรือออกกฎหมายห้ามคนมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ

ฟรองซวส แบร์-ซีนูส์ซี เจ้าของรางวัลโนเบลที่ร่วมก่อตั้ง และนั่งเก้าอี้ประธานร่วมในเวทีประชุมโรคเอดส์ 6 วันครั้งนี้ ได้ชิงโอกาสปราศรัยเปิดประชุมวานนี้ (20) แถลงโจมตีกฎหมาย ที่ตั้งเป้าเล่นงานคนกลุ่มน้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในการป้องกันและรักษาโรคติดต่อชนิดนี้อย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น

เธอกล่าวว่า “ความเป็นจริงที่โหดร้ายก็คือ การประณามหยามเหยียด และการดูหมิ่นดูแคลนเพศ (ที่ 3) ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ในทุกภูมิภาคบนโลกใบนี้ ”

“เราจำเป็นต้องตะโกนออกมาดังๆ ว่า เราจะไม่ยอมนิ่งเฉย ในเวลาที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน กำลังบังคับใช้กฎหมายอันโหดร้าย ซึ่งลิดรอนสิทธิประชากรที่ในสังคมที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุดอยู่แล้ว”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ยกกรณี ชัยชนะอันขื่นขมของเชื้อเอดส์ ในสงครามที่คร่าชีวิตประชาชนไป 39 ล้านคนภายในเวลา 33 ปี โดยเอชไอวี ได้แพร่กระจายจากชนกลุ่มน้อยที่ถูกประณามหยามเหยียด ไปยังประชากรที่คนหมู่มากอย่างเงียบเชียบจนไม่มีใครทันระวัง จากนั้นก็แพร่ระบาดรวดเร็วเหมือนไฟป่า

หากกลุ่มคนรักร่วมเพศ หรือคนรักสองเพศ (Bisexuals) ถูกจำคุกหรือจับตัวมาลงโทษ พวกเขาก็จะไม่กล้าตรวจเลือดหาเอชไอวี หรือเข้ารับการรักษาเมื่อติดเชื้อ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศแห่งความเงียบและความกลัว ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการแผ่ขยายลุกลามของเชื้อเอชไอวี

บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีก หากผู้ค้าบริการทางเพศ และผู้ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือดถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร

บรรดาผู้แทน 12,000 คน ซึ่งเดิทางมาเข้าร่วมการประชุมโรคเอดส์นานาชาติ ครั้งที่ 20 ได้รับคำวิงวอนให้ลงนามใน “คำประกาศเมลเบิร์น” ซึ่งเน้นย้ำว่า ชายรักร่วมเพศ เลสเบียน และผู้ผ่าตัดแปลงเพศทุกคน มีสิทธิเท่าเทียม และสามารถเข้าถึงข้อมูล และบริการด้านการป้องกัน ดูแล และเยียวยาเชื้อเอชไอวีได้เหมือนกัน
(ภาพจากแฟ้ม) ชายชาวยูกานดา 2 คนขณะปรากฏตัวที่ศาลในกรุงกัมปาลา เพื่อฟังการพิจารณาคดีในข้อหามีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม ขณะที่บรรดาชาติตะวันตกออกกฎหมายที่ปกป้องสิทธิในการแต่งงาน เข้ารับการรักษาพยาบาล และรับเงินบำนาญอย่างเท่าเทียม ให้แก่ชาวสีม่วง ประเทศอื่นๆ ก็ผลักดันกฎหมายลงโทษพวกเขา

รายงานที่โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) นำออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า มี 79 ประเทศบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งกำหนดให้พฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นการก่ออาชญากรรม โดยในจำนวนนี้มี 7 ประเทศกำหนดบทลงโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำผิด

ประเทศล่าสุดที่ประกาศใช้กฎหมายต่อต้านเพศที่ 3 คือ ยูกานดา และไนจีเรีย ขณะที่อินเดียยังคงรักษากฎหมายต่อต้านการร่วมเพศทางทวารหนักซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่ยุคอาณานิคมเอาไว้ ส่วนรัสเซียสั่งห้ามกระทั่งการจำหน่ายจ่ายแจกข้อมูลข่าวสาร ที่สื่อให้เห็นถึงความหลากหลายทางเพศ

เคเน อีซอม ชาวไนจีเรียที่ทำงานให้กับองค์กรรณรงค์เพื่อสิทธิคนรักร่วมเพศในแอฟริกาใต้ “แอฟริกัน เมน ฟอร์ เซ็กชวล เฮลธ์ แอนด์ ไรต์ส” ระบุว่า บางครั้งกฎหมายเหล่านี้ก็บั่นทอนความพยายามเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิธีการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการต่อสู้เพื่อขยายโอกาสเข้าถึงยาต้านเชื้อไวรัส ที่ช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยเอชไอวี

เขาชี้ว่า “กฎหมายบางฉบับลิดรอนเสรีภาพในการชุมนุม และเสรีภาพในการพบปะสังสรรค์” ของเกย์ “ซึ่งก็หมายความว่าคนกลุ่มนี้ไม่สามารถนัดพบ หรือกระทั่งไปขอรับเงินช่วยเหลือ”
ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมโรคเอดส์นานาชาติ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้แก่เพื่อนร่วมวงการที่เสียชีวิตจากเหตุเที่ยวบิน MH17 ตกในยูเครนตะวันออก ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น