xs
xsm
sm
md
lg

เผย “มือระเบิดฆ่าตัวตาย” 12 ศพ ที่ก่อเหตุโจมตีอุกอาจในแบกแดดเป็น “วัยรุ่นชาวออสซี่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของออสเตรเลียเผยวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในอิรัก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือหนุ่มแดนจิงโจ้ วัย 18 ปี ขณะที่ จอร์จ แบรนดิส รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมออสเตรเลียกล่าวว่า “เป็นความคืบหน้าที่สร้างความปั่นป่วน”
ภาพจากวีดีโอคลิปเผยให้เห็น อบู บาการ์ อัล-บักดาดี หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ “รัฐอิสลาม” (IS) ซึ่งออกมาอ้างความลับผิดชอบต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่กรุงแบกแดด เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (17 ก.ค.)
เจ้าหน้าที่พบว่า วัยรุ่นชาวออสเตรเลียซึ่งเดินทางจากเมืองเมลเบิร์น ไปยังอิรักเมื่อปีที่แล้วผู้นี้ อยู่ในหมู่เหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดใกล้มัสยิดแห่งหนึ่ง ในกรุงแบกแดด เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (17)

รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (IS) เรียกเขาว่า อบู บาการ์ อัล-ออสตราลี ในทวิตเตอร์ โดยกระทรวงยุติธรรมแถลงยืนยันว่า เขาเป็นพลเมืองออสเตรเลียจริง

แบรนดิส ระบุในคำแถลงว่า “ข่าวนี้เป็นความคืบหน้าที่สร้างความปั่นป่วนใจ และเป็นตัวอย่างของสถานการณ์ปัจจุบันในอิรักที่อันตรายและเหนือความคาดหมาย”

“รัฐบาลออสเตรเลียต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงโดยกลุ่ม ISIL (กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ 'รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์' ซึ่งเป็นชื่อเดิมของกลุ่มรัฐอิสลาม) และกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆ ในอิรักและซีเรีย นอกจากนี้เรายังรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ที่ทราบว่า พลเมืองออสเตรเลียมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้”

“อย่างที่ผมพูดไปแล้วหลายครั้ง การที่ชาวออสเตรเลียเข้าไปพัวพันในสงครามอิรักและซีเรียเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และรัฐบาลขอวิงวอนให้ชาวออสเตรเลียระงับการเดินทางไปยัง 2 ประเทศนี้”

คำแถลงฉบับนี้ระบุว่า เขาคือชาวออสเตรเลียคนที่ 2 ที่ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในสงครามอิรักและซีเรีย โดยไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดใดๆ มากไปกว่านี้”

เมื่อเดือนที่แล้ว จูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งที่พบว่า ชาวออสเตรเลียราว 150 คนซึ่งบางส่วนเป็นบุคคลสองสัญชาติ กำลังฝึกฝนทักษะการก่อการร้าย ด้วยการสู่รบเคียงข้างกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ในอิรักและซีเรีย

แบรนดิสกล่าวว่า “การที่มีพลเมืองชาวออสเตรเลียไปร่วมรบในสงครามอิรักและซีเรีย เป็นภัยต่อความมั่นคงของออสเตรเลียอย่างร้ายแรง เมื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหล่านั้นกลับมาก่อเหตุรุนแรงที่นี่”

“รัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่อไป เพื่อให้ออสเตรเลียปลอดภัย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ”
กำลังโหลดความคิดเห็น