xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อ MH17 ถูกขีปนาวุธสอยร่วง ข้อมูลชี้กบฏยิงผิดลำ (ชมคลิปนาทีถูกยิงตก)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online







เอเอฟพี/รอยเตอร์ - หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯเชื่อเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บรรทุกลูกเรือและผู้โดยสาร 295 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ ถูกยิงตกเหนือท้องฟ้ายูเครนจากขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศในวันพฤหัสบดี(17) โดยไม่ได้พาดพิงว่าเป็นฝีมือใคร แต่มีแนวโน้มว่าฝ่ายกบฏอาจอยู่เบื้องหลัง เหตุอ้างเองเพิ่งสอยเครื่องบินทหารร่วงในพื้นเดียวกัน เลยถูกตั้งข้อสงสัยว่ายิงผิดลำ ขณะที่เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดผวาแก่สายการบินต่างๆ จนมีคำสั่งให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว

เจ้าหน้าที่อเมริกาผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งเปิดเผยว่าหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่ออย่างที่สุดว่าขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศยิงเครื่องบินตกและกำลังทบทวนข้อมูลเพื่อสรุปว่าอาวุธดังกล่าวยิงโดยพวกแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในยูเครน ทหารรัสเซียที่ข้ามพรมแดนเข้ามาหรือกองกำลังรัฐบาลยูเครนกันแน่

รัฐบาลยูเครนกล่าวหาพวกนักรบก่อการร้ายที่กำลังต่อสู้ทางภาคตะวันออกของยูเครนติดกับรัสเซีย ว่าเป็นคนยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ด้วยอาวุธหนักขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ SA-11 ยุคสมัยโซเวียต ขณะที่เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าจากอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย แต่ทางเหล่าแกนนำฝ่ายกบฏแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ

ฮูอิบ กอร์เตอร์ รองประธานอาวุโสของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เปิดเผยว่าเครื่องบินลำดังกล่าว มีชาวเนเธอร์แลนด์ อย่างน้อย 154 คน ออสเตรเลีย 27 คน มาเลเซีย 23 คน อินโดนีเซีย 11 คน อังกฤษ 6 คน เยอรมนี 4 คน เบลเยียม 4 คน ฟิลิปปินส์ 3 คน และแคนาดา 1 คน อย่างไรก็ตามยังมีผู้โดยสารอีก 47 คนที่ยังไม่ทราบสัญชาติแน่ชัด ขณะที่ลูกเรือทั้งหมด 15 คนเป็นชาวมาเลเซีย

พวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าพบบันทึกกล่องดำของเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน นอกจากนี้แล้วแกนนำรายหนึ่งของพวกเขากล่าวหาว่ากองกำลังยูเครนเป็นคนยิงเอ็มเอช 17 ตก และอ้างว่าฝ่ายกบฏไม่มีอาวุธชนิดใดที่มีแสนยานุภาพยิงเครื่องบินที่บิน ณ ระดับความสูงถึง 10 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม คำปฏิเสธของพวกเขาถูกกัดเซาะโดยพฤติกรรมของนายกอร์ สเตรลคอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายกบฏเอง หลังจากนายคนนี้ เขียนลงบนเว็บเพจสื่อสังคมออนไลน์ของตนเอง เมื่อตอนประมาณ 13.37 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 20.37 น.) หรือราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เที่ยวบินเอ็มเอช-17 จะสูญหายไปหลังการติดต่อครั้งสุดท้าย ระบุว่านักรบของเขายิงเครื่องบินอานโตนอฟ อาน-26 ตกในพื้นที่เดียวกัน ก่อข้อสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้ในการเข้าใจผิด

เว็บเพจดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงอาวุธที่ใช้ยิงเครื่องบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่ากำลังบินอยู่ระดับความสูงราว 10,000 เมตร (33,000 ฟุต) แต่พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนเคยโพสต์ลงบนทวิตเตอร์บัญชี “สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์” ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (17) ว่าพวกเขาสามารถยึดระบบยิงขีปนาวุธที่เรียกว่า “Buk” มาจากทหารยูเครน ที่มีแสนยานุภาพสามารถยิงเครื่องบินที่บินในความสูงระดับนั้นได้

นอกจากสาดโคลนกันไปมาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับพวกกบฏแล้ว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างเคียฟกับมอสโกด้วย หลังหัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน กล่าวหาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพรัสเซียเกี่ยวข้องกับเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก พร้อมเรียกร้องให้นำคนเหล่านั้นมาลงโทษต่ออาชญากรรมที่ก่อขึ้น

วาเลนติน นาลีเวย์เชนโก หัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน อ้างว่าคำกล่าวหาของเขามีพื้นฐานจากการดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน “ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าใครเป็นก่ออาชญากรรมนี้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อนำทหารรัสเซีย ผู้ที่ก่ออาชญากรรมนี้มาลงโทษ”

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียก็ออกมาตอบโต้ในวันศุกร์ (18) ว่ายูเครนนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก โดยบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากว่ายูเครนไม่กลับมาปฏิบัติการกวาดล้างทางทหารต่อฝ่ายกบฏอีกรอบ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐบาลของดินแดนนั้นต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมที่ตื่นตะลึงนี้” ปูตินกล่าว พร้อมเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัสเซียดำเนินการทุกทางในความเป็นไปได้ที่จะเข้าช่วยเหลือการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ความเห็นของนายปูตินมีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้เปิดการสืบสวนนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส “ชัดเจนว่ามันจำเป็นต้องมีการสืบสวนอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วมของนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ” เขากล่าวพร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

เหตุการณ์อันเลวร้ายนี้กระพือความตื่นกลัวในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) เปิดเผยว่าเหล่าสายการบินต่างๆของอเมริกา ยินยอมโดยสมัครใจหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ ส่วนทางยูโรคอนโทรล (ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป) เผยว่าทางการยูเครนได้ปิดน่านฟ้าเหนือดินแดนทางตะวันออกของประเทศแล้ว ตามหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช 17
กำลังโหลดความคิดเห็น