เอเอฟพี - เยอรมนีขับหัวหน้าสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯประจำกรุงเบอร์ลินกลับประเทศในวันพฤหัสบดี(10) ตามคำกล่าวอ้างถูกจารกรรมความลับโดยวอชิงตัน ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างยิ่งในหมู่พันธมิตรนาโตที่ใกล้ชิดทั้งสอง
นายสเตฟเฟ่น ไซเบิร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีระบุในถ้อยแถลงว่า "ตัวแทนแห่งสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ประจำสถานทูตอเมริกา ได้รับแจ้งแล้วว่าให้ออกจากเยอรมนี"
โฆษกรายนี้บอกต่อว่าความประสงค์ดังกล่าวมีพื้นฐานจากกรณีที่อัยการรัฐบาลกลางเยอรมนีได้แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ากำลังสืบสวนอย่างเป็นทางการต่อบุคคลต้องสงสัยเป็นสายลับให้กับสหรัฐฯ 2 คดี เช่นเดียวกับคำถามที่ค้างคาใจมาหลายเดือนเกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯในเยอรมนี "รัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้มาก"
นายไซเบิร์ต ยังบอกด้วยว่ามันมีความสำคัญยิ่งต่อเยอรมนี ในแง่ผลประโยชน์ความปลอดภัยของพลเรือนและเหล่าทหารของประเทศที่ประจำการในต่างแดน ที่จำเป็นต้องทำงานอย่างใกล้ชิดบนพื้นฐานของความไว้วางใจกันและกันในหมู่พันธมิตรตะวันตก โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ "มันจำเป็นต้องมีความเชื่อใจและตรงไปตรงมาต่อกัน รัฐบาลยังมีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นและคาดหวังสิ่งนี้จากเหล่าพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดด้วย"
ด้านนายเคลเมนส์ บินนินเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบของรัฐสภาเยอรมนี เรียกการขับหัวหน้าข่าวกรองสหรัฐฯครั้งนี้ว่า เป็นการตอบสนองต่อการที่ไม่เคยได้รับความร่วมมือเลยในความพยายามจัดการกับเรื่องนี้เลย
เมื่อวันพุธ(9) เจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐบาลกลางเข้าตรวจค้นบ้านพักและที่ตั้งสำนักงานของชายคนหนึ่งในพื้นที่เบอร์ลิน ซึ่งทางสื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าเป็นลูกจ้างชาวเยอรมนีของกองทัพที่ถูกกล่าวหาว่าลอบส่งมอบเอกสารลับแก่สหรัฐฯ
คดีนี้ถูกเปิดโปงไม่นาน หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(4) พนักงานของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศเยอรมนี BND วัย 31 ปีถูกควบคุมตัว ฐานลอบส่งเอกสารมากกว่า 200 ฉบับแลกกับค่าตอบแทน 25,000 ยูโร (ราว 1.12 ล้านบาท)
หนังสือพิมพ์บิลด์รายงานว่าชายคนนี้เป็นสายลับสองหน้าที่ลงมือล้วงความลับมานานกว่า 2 ปีและขโมยเอกสารลับต่างๆ ในนั้นรวมถึงข้อมูลของคณะกรรมาธิการรัฐสภาเยอรมนีที่กำลังตรวจสอบโครงการสอดแนมอันกว้างขวางของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ(เอ็นเอสเอ) ซึ่งหนึ่งในบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายก็คือนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี