รอยเตอร์ - พบศพกระจัดกระจายอยู่รอบเศษซากที่เต็มไปด้วยควันโขมงของเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่ตกทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี (17) ด้วยผู้สื่อข่าวซึ่งลงพื้นที่เกิดเหตุระบุไม่พบเห็นสัญญาณของผู้รอดชีวิต ขณะที่ประธานาธิบดีเคียฟ คาดว่ามันน่าจะถูกยิงตกและเชื่อว่าเป็นการก่อการร้ายของฝ่ายกบฏ
เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินรายหนึ่งเปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้พบศพแล้วอย่างน้อย 100 ศพในจุดเกิดเหตุ บริเวณใกล้หมู่บ้านกราโบโว ในจังหวัดโดเนตส์ก ทางภาคตะวันออกของยูเครน ขณะที่เศษซากของเครื่องกระจัดกระจายทั่วบริเวณในรัศมีราว 15 กิโลเมตร
เศษชิ้นส่วนแตกหักของปีกมีแถบสีน้ำเงินและแดง สีเดียวกับสัญลักษณ์ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือเกือบ 300 คน และขาดการติดต่อขณะกำลังบินจากอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่ายังไม่ทราบถึงจำนวนของผู้เสียชีวิต แต่สำนักข่าวอิตาร์-ทาส อ้างแหล่งข่าวจากองค์กรการบินของยูเครนระบุว่าไม่มีผู้รอดชีวิต เช่นเดียวกับเอเอฟพีที่ยืนยันว่าไม่พบเห็นสัญญาณผู้รอดชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ส่วนสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายอังเดร เปอร์กิน รองนายกรัฐมนตรีของดินแดนที่อ้างตนเองว่าเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ บอกว่ากลุ่มกบฏเดินทางไปถึงจุดที่เครื่องบินตกแล้วและพบเห็นคนตายเป็นจำนวนมาก
นายโปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน เชื่อว่าเหตุเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ตก เป็นฝีมือของก่อการร้าย “โปโรเชนโกคิดว่าเครื่องบินลำนี้ถูกยิงตก มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่โศกนาฏกรรรม แต่มันเป็นการก่อการร้าย” โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีบอก หลังจากก่อนหน้านี้นายเปโรเชนโก ระบุในถ้อยแถลงยืนยันว่ากองทัพยูเครนไม่ได้ยิงเป้าหมายใดๆ ที่อยู่บนท้องฟ้า
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโปโรเชนโกยังแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของบุคคลที่อยู่บนเครื่องที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และประกาศว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องน่าเศร้านี้จะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาในประเทศไทย ทวิตเตอร์ของสายการบินมาเลเซีย @mas ได้ทวีตข้อความว่า “สายการบินมาเลเซียสูญเสียการติดต่อกับเที่ยวบิน เอ็มเอช 17 จากอัมสเตอร์ดัม โดยจุดสุดท้ายที่ทราบคือ เครื่องอยู่เหนือน่านฟ้ายูเครน” จากการตรวจสอบตารางการบินของเที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ผู้สื่อข่าวพบว่า เที่ยวบินดังกล่าวออกเดินทางจากสนามบินในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อเวลา 12.14 น.วันนี้ (17 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีกำหนดที่จะถึงท่าอากาศยานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเช้าวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) เวลา 06.10 น.
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังจากเที่ยวบินเอ็มเอช 370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเลี้ยวออกจากเส้นทางที่มุ่งหน้าจากกัวลาลัมเปอร์สู่ปักกิ่ง และชะตากรรมของมันยังคงเป็นปริศนา แม้ว่าจะมีปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและใต้น้ำก็ตาม
ขณะที่ยังคงยังไม่หายซึมเซากับการหายไปของเอ็มเอช 370 นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย แถลงบนทวิตเตอร์ว่าเขารู้สึกช็อกต่อรายงานข่าวเครื่องบินตกครั้งนี้ ขณะที่นาย มาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ บอกว่าเขารู้สึกช็อกอย่างยิ่งเช่นกัน “ผมรู้สึกช็อกต่อข่าวอันน่าตกใจนี้”
ในส่วนของวังเครมลิน แถลงว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็รุดหารือกันถึงความคืบหน้าของข่าวอันน่าช็อกนี้ ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตที่คุกคามความอยู่รอดของยูเครน จากการสู้รบกันระหว่างฝ่ายกบฏนิยมรัสเซียและรัฐบาลที่ได้รับการหนุนหลังจากชาติตะวันตก ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ก็เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยว่าอะไรคือต้นตอของเหตุเครื่องบินตกกันแน่
ดมิทรี บาเบย์ชุค หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบด้านน่านฟ้าของยูเครน ระบุในถ้อยแถลงว่าเที่ยวบินดังกล่าวบินอย่างปกติไม่มีปัญหาใดๆ จนกระทั่งมันสูญหายไปจากรอเรดาร์ “เที่ยวบินเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีการแจ้งถึงปัญหาใดๆ มาจากลูกเรือ”
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า สหรัฐฯ จะเสนอความช่วยเหลือใดๆเท่าที่จำเป็นสำหรับตรวจสอบว่าอะไรคือสาเหตุของการตกครั้งนี้และเวลานี้เจ้าหน้ากำลังตรวจสอบว่ามีพลเมืองอเมริกาอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวหรือไม่
ขณะเดียวกัน ในวันพฤหัสบดี (17) ทางรัสเซีย ก็ได้ขออนุญาตยูเครน ข้ามชายแดนเข้าไปช่วยเหลือปฏิบัติการกู้ภัย หลังเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ตกในพรมแดนของยูเครน “หน่วยฉุกเฉินของรัสเซียส่งคำร้องขออย่างเป็นทางการถึงสหายยูเครนแล้ว เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยบริเวณจุดตกของโบอิ้ง 777 ในดินแดนของยูเครน”