เอเจนซีส์ - ชาวญี่ปุ่นในเมืองมินามิ-โซมา และคัตซึโนบุ ซากูไร (Katsunobu Sakurai) นายกเทศมนตรีของเมือง ที่ตั้งอยู่ในเขตฟูกุชิมะโกรธแค้น บริษัทเทปโกและกระทรวงเกษตรญี่ปุ่นที่ปกปิดข่าว หลังกระทรวงการเษตรญี่ปุ่นตรวจพบแปลงนาข้าว 14 แห่งนอกโซนอพยพ ห่างจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะไปราว 20 กม. “ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี” ในเดือนสิงหาคม 2013
RT สื่อรัสเซียรายงานในวันนี้ (16) ว่า ถึงแม้จะมีการพบการปกปิดการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในผลผลิตการเกษตร ที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายเศษซากขนาดใหญ่จากเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์โรงที่ 3 แต่ทว่าทางบริษัทโตเกียวอิเล็กทริค หรือเทปโก ยังเดินหน้าแผนการที่จะเคลื่อนย้ายเศษซากจากเตาผฎิกรณ์นิวเคลียร์โรงที่ 1ซึ่งมีการปนเปื้อนในระดับสูงภายในปลายเดือนนี้
อาซาฮี ชิมบุน สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า กระบวนการเคลื่อนย้ายสิ่งปรักหักพังที่ปนเปื้อนรังสีนิวเคลียร์ของเทปโกต้องหยุดลงชั่วคราวเมื่อกระทรวงการเกษตรได้แจ้งต่อเทปโกว่า พบการปนเปื้อนผลผลิตการเกษตรเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2014 หลังจากที่พบครั้งแรกในเดือนสิหาคม 2013 แต่เทปโกยังกำหนดให้เริ่มปฎิบัติการขนย้ายอีกครั้งในเร็ววันนี้ โดยทางกระทรวงการเกษตรได้สั่งให้เทปโกมีมาตรการป้องกัน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะกินขอบเขตมากน้อยเท่าใด
แต่สิ่งหนึ่งที่ทางพนักงานเทปโกจะทำคือ ต้องเพิ่มanti-scattering agent มากกว่าแต่ก่อน ที่ทางเทปโกยังเกรงว่า อย่างไรก็ตาม “สสารกัมมันตภาพรังสีจำนวนมาก” จะยังคงถูกปล่อยออกมา
“(หากเทปโกยังหวังที่จะกลับไปเริ่มปฎิบัติการเคลื่อนย้ายขยะเปื้อนกัมมันตภาพรังสีออกจากโรงงานฟูกุชิมะอีกครั้ง) ถือเป็นข้อกำหนดที่ทางบริษัทต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการแพร่กระจาย (สสารปนเปื้อน)” ทาเคฮิโกะ มูยารามะ (Takehiko Murayama) แห่งสถาบันเทคโนโลยีโตเกียว เผยกับอาซาฮี ชิมบุน
ในกรณีที่พบว่ามีแปลงนาข้าว 14แห่งนอกเขตอพยพ พบการปนเปื้อน และมีแปลงนาข้าวปนเปื้อนอีก 5แห่งอยู่ภายในโซนอพยพ ทั้งนี้แปลงนาข้าวปนเปื้อนเหล่านี้ล้วนตั้งอยู่ในเมือง ด้านเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2013 ตรวจพบตัวอย่างข้าวที่เก็บมามีค่าระดับซีเซียม (cesium) สูงกว่าระดับมาตรฐานความปลอดภัยของญี่ปุ่นที่กำหนดไว้ที่ 100 เบคเคอเรลต่อ กก. และจนถึงเวลานี้รัฐบาลญี่ปุ่นยังเชื่อว่า เมืองมินามิ-โซมาเป็นเพียงเมืองเดียวในฟูกุชิมะที่ยังพบค่าซีเซียมอยู่ในระดับสูง
แต่ถึงแม้รายงานการพบของกระทรวงการเกษตรญี่ปุ่นนั้นเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา “แต่รัฐบาลญี่ปุ่นและเทปโกเลือกที่จะปกปิดข้อมูลชิ้นนี้จากสาธารณะ” และเป็นผลให้ชาวบ้านที่อาศัยในเขตที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงคัตซึโนบุ ซากูไร (Katsunobu Sakurai) นายกเทศมนตรีเมืองมินามิ-โซมา โกรธในการขาดความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐ
“เราไม่สามารถเชื่อมั่นในกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น ที่ไม่เตือนพวกเราอย่างทันท่วงทีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เป็นเรื่องร้ายแรงต่อชีวิต” ซากุไรแถลงผ่านการรายงานของอาซาฮี ชิมบุน
“และเราขอประท้วงต่อการไร้ความรับผิดชอบของเทปโกในการเคลื่อนย้ายขยะปนเปื้อนค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงพวกนั้น ที่สร้างความวิตกให้กับชาวนาในพื้นที่ ทางเราขอเรียกร้องให้มีการอธิบายในเรื่องนี้ให้กระจ่าง” ซากุไรแถลงต่อ
แต่ทางเจ้าหน้าที่เทปโกกลับแย้งว่าไม่มีหลักฐานยืนยันถึง 100% ที่ทำให้เชื่อได้ว่า เหตุการพบผลผลิตการเกษตรปนเปื้อนห่างจากโรงงานไปราว 20 กม.นั้น สืบเนื่องจากการเคลื่อนย้ายเศษซากของเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงงานที่ 3 และยังไม่มีการรายงานพบว่า ซีเซียมนั้นจะสามารถแพร่กระจายได้ไกลเท่าใด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวว่า จากค่าการแพร่กระจายกัมมันตภาพรังสีที่อ่านได้นั้นเกิดขึ้นหลังจากทปโกได้เริ่มปฏิบัติการขนย้ายในวันที่ 19สิงหาคม 2013 และดูเป็นไปได้หากกัมมันตภาพรังสีนั้นบังเอิญถูกปล่อยออกมาแพร่กระจายในระหว่างการเคลื่อนย้าย “เราไม่สามารถนึกถึงปัจจัยอื่นได้” เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์กับอาซาฮี ชิมบุน และเสริมว่า “เกือบจะ 100% ว่าตัวอย่างข้าวที่พบระดับค่าซีเซียมนั้นเกิดจากการเคลื่อนย้ายขยะปนเปื้อนของทางบริษัทเทปโก”
RT สื่อรัสเซียรายงานว่า เนื่องจากต้องการตรวจสอบว่าการกำจัดการปนเปื้อนนั้นได้ผลจริง จึงมีการส่งตัวอย่างข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จากเมืองคาวามาตะ (Kawamata)ที่ห่างจากมินามิ-โซมาราว 40 กม. และจากหมู่บ้านไออิตาเตะ (Iitate) ที่ห่างไปราว 27 กม. ให้รัฐบาลญี่ปุ่นตรวจสอบในเดือนธันวาคม 2013