เอเอฟพี - ทูตสูงสุดของวอชิงตันเตรียมมุ่งหน้าไปยังตะวันออกกลางในวันอังคาร (15) เพื่อแสดงความสนับสนุนความพยายามทางการทูตเพื่อยุติหายนะทำลายล้างจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมากว่าหนึ่งสัปดาห์ระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ กับคู่อริอย่างฮามาส หนึ่งวันหลังจากยิวชะลอความเข้มข้นในการถล่มดินแดนฉนวนกาซา
ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศลงโทษของอิสราเอลเข้าสู่วันที่ 7 ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา เพิ่มเป็น 177 เสียง โหมกระพือเสียงเรียกร้องหนักหน่วงขึ้นให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจนถึงตอนนี้มีสัญญาณแห่งความคืบหน้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ก่อนหน้าการประชุมฉุกเฉินของเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศชาติอาปรับในกรุงโคโร ประเทศอียิปต์ กลุ่มเคลื่อนไหวฮามาสได้ทำลายความหวังของข้อตกลงยุติความรุนแรงทั้งในและรอบๆ ป้อมปราการกาซา ด้วยบอกว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
“การเจรจาหยุดยิงจำเป็นต้องใช้ความพยายามที่แท้จริงและจริงจัง ซึ่งจนถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นแบบนั้น” มูชีร์ อัล-มาสรี ส.ส.ฮามาสบอกกับเอเอฟพีจากฉนวนกาซา “การหยุดยิงใดๆ ต้องมีพื้นฐานจากเงื่อนไขต่างๆ ตามกรอบของเรา หากน้อยไปกว่านั้น ก็มิอาจยอมรับได้” เขากล่าว ด้วยแสดงท่าทีแข็งขืนต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนองเลือดของอิสราเอล
ด้านอิสราเอลก็บอกว่ายังไม่พร้อมยอมรับข้อตกลงหยุดยิงเช่นกัน ขณะที่พวกเขากำลังแสวงหาหนทางสร้างความทุกข์ทรมานเท่าที่เคยทำมาแก่พวกฮามาสและทำลายความสามารถยิงจรวดข้ามพรมแดนลึกเข้าไปในรัฐยิวของพวกนักรบกลุ่มนี้ให้ได้เสียก่อน
ในความพยายามเพิ่มน้ำหนักของวอชิงตันต่อความพยายามดึงคู่ขัดแย้งบรรลุข้อตกลงหยุดยิง สื่อมวลชนแห่งรัฐของอียิปต์รายงานว่านายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะบินไปยังกรุงไคโร ในวันอังคาร (15) “เคร์รีจะเดินทางเยือนอียิปต์ในวันพรุ่งนี้ (อังคาร) เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูง” สำนักข่าวมีนารายงาน พร้อมระบุผู้แทนทูตสูงสุดของอเมริการายนี้ ได้ติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายซาเมห์ ชูครี รัฐมนรีต่างประเทศของอียิปต์ เกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งในกาซาเป็นระยะๆ
เบื้องต้นยังไม่มีคำยืนยันมาจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แต่ทางเหล่าสื่อมวลชนของอิสราเอลพากันบ่งชี้ว่านายเคร์รี จะเดินทางเยือนเยรูซาเลม และเมืองรามัลเลาะห์ในเขตเวสต์แบงก์ อันเป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ด้วย
ถึงแม้ว่าเหล่าชาติอาหรับเรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในทันที ด้วยกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ร้องขอยิง “หยุดเล็งเป้าหมายไปที่พลเรือน” แต่ผู้แทนทูตสูงสุดของเยอรมนี บอกว่าพวกฮามาสเองก็ควรหยุดยิงจรวดเช่นกัน “ฮามาสควรหยุดยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลในทันที” นายแฟรงค์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี แถลงกับผู้สื่อข่าวในกรุงอัมมานของจอร์แดน ก่อนมุ่งหน้าไปยังอิสราเอลและดินแดนของชาวปาเลสไตน์ เพื่อเน้นถึงความพยายามของเบอร์ลินในการดึงคู่ขัดแย้งสู่ข้อตกลงหยุดยิง
กลุ่มสิทธิมนุษยชนบอกว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มากกว่าร้อยละ 75 เป็นประชาชนทั่วไปไม่ใช่นักรบ ขณะที่หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติบอกว่าในนั้นกว่าร้อยละ 25 ยังเป็นเด็กอีกด้วย
แม้อิสราเอล ยืนยันเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีภาคพื้น แต่สื่อรายงานว่า ในการประชุมตอนค่ำวันอาทิตย์ (13) คณะรัฐมนตรีอิสราเอลไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการดังกล่าว อย่างน้อยก็ในขณะนี้ ขณะเดียวกันในวันจันทร์ (14) ก็ได้ชะลอความเข้มข้นในการถล่มทางอากาศต่อดินแดนฉนวนกาซาลง
ในวันจันทร์ (14) มีผู้เสียชีวิต 7 ราย น้อยกว่าวันเสาร์ (12) ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 56 ศพ อันเป็นวันนองเลือดที่สุดนับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่มีเป้าหมายหยุดยั้งการยิงจรวดเข้าใส่ดินแดนทางใต้ของประเทศจากฝีมือพวกนักรบ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว แต่ก็มีบ้างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้กลุ่มฮามาสได้ยิงจรวดใส่อิสราเอลนับถึงล่าสุด 789 ลูก และกว่า 200 ลูกถูกสกัดเอาไว้ได้ ด้วยที่รัฐยิวมีระบบป้องกันขีปนาวุธ “ไอออนโดม” ซึ่งสามารถสกัดจรวดของฮามาสได้อย่างทรงประสิทธิภาพ