เอเจนซีส์ - สหรัฐฯ กับจีน ปากหวานให้คำมั่นเมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) ว่า จะปรับปรุงยกระดับความร่วมมือกันทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยจะไม่ยินยอมให้ความแตกต่างไม่ลงรอยกันทั้งในประเด็นเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์ดินแดนทางทะเล การแอบเจาะล้วงความลับทางไซเบอร์ ตลอดจนอัตราแลกเปลี่ยน กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสันติภาพและความมั่งคั่งของทั่วโลก
ระหว่างกล่าวปราศรัยในพิธีเปิด “การสนทนาหารือด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ” ประจำปีครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งมีประชากรรวมกันคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก และมีมูลค่าเศรษฐกิจเท่ากับ1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก
ผู้นำแดนมังกรเสริมว่า ความเห็นต่างและกระทั่งการเสียดทานกันระหว่างสองประเทศเป็นเรื่องปกติ แต่หนทางเดียวที่จะทำให้สัมพันธภาพรุดหน้าต่อไปคือ การเคารพในอธิปไตยของกันและกัน โดยที่ต้องไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพยายามยัดเยียดแบบแผนของตนให้อีกฝ่ายปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้อเมริกายังต้องเคารพในบูรณภาพด้านดินแดนของจีน ซึ่งเป็นการพาดพิงโดยตรงถึงข้อพิพาทในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกที่แดนมังกรมีอยู่กับหลายชาติในภูมิภาคนี้ ที่มีพันธมิตรสำคัญของวอชิงตันอย่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์รวมอยู่ด้วย
คำแถลงของสี หลายๆ ส่วนได้รับการขานรับจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ระบุในคำแถลงซึ่งมุ่งกล่าวยกย่องวาระครบรอบ 35 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-จีน และการสร้าง “แบบแผนใหม่” ของความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจที่อิงกับการร่วมมือและการจัดการข้อขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
ทางด้าน จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของสหรัฐฯ ร่วมกับแจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลัง ยังพยายามคลายความกังวลของจีน โดยยืนยันว่า อเมริกาไม่ต้องการจำกัดอิทธิพลของพญามังกร แต่ยินดีอ้าแขนรับจีนที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และส่งเสริมเสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งรับบทบาทในกิจการโลกอย่างมีความรับผิดชอบ
การหารือตลอดสองวันคราวนี้จะเป็นบททดสอบว่า การเจรจาระดับสูงประจำปีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะได้ผลลัพธ์เป็นการประนีประนอมอย่างเป็นรูปธรรม หรือเป็นเพียงช่องทางการพูดคุยเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือเท่านั้น
วอชิงตันนั้นแสดงความหวังที่จะกระชับความร่วมมือกับปักกิ่ง ทั้งในประเด็นเรื่องการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การยุติการสอดแนมทางไซเบอร์ของจีนต่อบริษัทอเมริกัน และการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่สองชาติมีกำหนดจะหารือกันในประเด็นต่างๆ ถึง 60 ประเด็น ตั้งแต่วันพุธจนถึงวันพฤหัสบดี (10) โดยที่ความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจมีจุดสนใจอยู่ที่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน และการร้องเรียนของบริษัทอเมริกันที่ว่า ถูกจีนจำกัดการเข้าถึงตลาดโดยไม่เป็นธรรม ขณะที่การหารือประเด็นทางยุทธศาสตร์จะครอบคลุมภัยคุกคามจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ในส่วนการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น สองประเทศที่เป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลกคู่นี้ กำหนดจะประกาศ 8 โครงการใหม่เพื่อดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอน รวมทั้งตั้งโครงข่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สหรัฐฯ และจีนยังเห็นพ้องในการยกระดับมาตรฐานการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับรถยนต์และรถบรรทุก และศึกษาวิธีในการนำก๊าซไปใช้เป็นเชื้อเพลงสำหรับหม้อต้มในอุตสาหกรรม
รายงานระบุว่า เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่อเมริกันไม่ได้กล่าวถึงข้อพิพาทเรื่องการลักลอบเจาะระบบข้อมูลที่ทำให้สองชาติบาดหมางกันอย่างหนัก หลังจากอเมริกาตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ทหารจีน 5 คนขโมยความลับทางการค้าจากระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทอเมริกัน และจีนตอบโต้ด้วยการงดเข้าร่วมการประชุมระดับคณะทำงานว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในไซเบอร์สเปซ จนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข
ในช่วงแถลงเปิดการหารือ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพียงย้ำความจำเป็นในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และต้องการเห็นจีนเดินหน้าปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน
เกี่ยวกับประเด็นค่าเงิน รองนายกรัฐมนตรีหวัง หยาง ที่เป็นผู้นำคณะผู้แทนจีนร่วมกับ หยาง เจียฉือ มนตรีแห่งรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งเทียบเท่ารองนายกรฐมนตรีของแดนมังกร กล่าวว่า ปักกิ่งจะเร่งการปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องสอดคล้องกับจังหวะความเร็วในการปฏิรูปการเงินของประเทศ