รอยเตอร์ - นครชิคาโก เมืองใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ เผชิญเกิดเหตุกราดยิงถึง 50 กรณีตั้งแต่ช่วงวันชาติ 4 กรกฎาคมเรื่อยไปจนถึงสุดสัปดาห์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คน และเสียชีวิต 9 คน ทางการท้องถิ่นรายงานวานนี้ (7)
เหตุรุนแรงจากอาวุธปืนเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เย็นวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม เรื่อยไปจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (6) โดยตำรวจได้รับแจ้งเหตุกราดยิงทั้งหมด 50 ครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 53 คน และเสียชีวิต 9 คน
หนังสือพิมพ์ชิคาโก ทริบูน รายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันจันทร์ (7) ยังมีคนถูกกราดยิงอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดรวมผู้บาดเจ็บพุ่งสูงกว่า 80 ราย และเสียชีวิต 14 ราย
แกร์รี แม็กคาร์ธี ผู้กำกับการตำรวจนครชิคาโก เปิดแถลงข่าวประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้” พร้อมชี้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากประชาชนสะสมอาวุธปืนกันมากขึ้น
เฉพาะวันอาทิตย์ (6) วันเดียว มีเหตุยิงกันเกิดขึ้นในนครชิคาโกถึง 21 กรณี
แม็กคาร์ธี ซึ่งเรียกร้องให้มีการกำหนดระวางโทษขั้นต่ำสำหรับผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กล่าวว่า พวกแก๊งอันธพาลและผู้ฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำซากมักจะหวงอาวุธของตน และเลือกที่จะยิงต่อสู้กับตำรวจมากกว่าวางปืน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎหมายควบคุมอาวุธปืนทั้งระดับท้องถิ่นและรัฐบาลกลางยังคงหละหลวม
ราห์ม เอมานูเอล นายกเทศมนตรีนครชิคาโกซึ่งสนับสนุนกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น แถลงวานนี้ (7) ว่า “ความรุนแรงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดในเมืองของเราก็ตาม และพวกเราทุกคนต้องแสดงจุดยืนบางอย่างในเรื่องนี้”
เมื่อต้นปีนี้ เอมานูเอลได้ประกาศแผน “ฤดูร้อนปลอดภัย” โดยสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 300 นายรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงสุดสัปดาห์วันชาติสหรัฐฯ
แม็กคาร์ธี ชี้ว่า แม้จะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากการกราดยิงถือว่าลดลงจากช่วง 1 ปีก่อน โดยอยู่ที่ 185 รายจนถึงวันอาทิตย์ (6) เมื่อเทียบกับ 196 รายในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2013