ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม 2557 ว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ตลาดการเงินไทยจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 11 ก.ค. เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ทั้งนี้ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และบันทึกการประชุมเฟด โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,486 และ 1,475 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,523 และ 1,536 จุด ตามลำดับ
พร้อมกันนี้ ได้สรุปความเคลื่อไหวดัชนีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีน และสหรัฐฯ โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,495.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.85% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 15.48% จากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 41,900.78 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 521.07 จุด เพิ่มขึ้น 3.25% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์ จากแรงซื้อหุ้นที่ราคาปรับตัวช้า (Laggard Stocks) ในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับซื้อหุ้นไทยสุทธิในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นหลังจากการรายงานเครื่องชี้เศรษฐกิจในจีน และสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นสำคัญของโลก เริ่มที่ ดัชนี DJIA ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนี DJIA ปิดที่ 17,068.26 จุด เพิ่มขึ้น 1.28% จากสัปดาห์ก่อน ดัชนี DJIA ปรับลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ จากแรงขายทำกำไรก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิต และการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง อนึ่ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดัชนี Nikkei ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนที่ออกมาดี โดยเมื่อวันศุกร์ ดัชนี Nikkei ปิดที่ 15,437.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.27% จากสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) การรายงานข้อมูลภาคการผลิตที่สดใสของจีน รวมทั้งข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ไว้ของสหรัฐฯ