xs
xsm
sm
md
lg

เผยโฉม “เอกสารลับโซเวียต” ฉบับแฉแผนจารกรรม - รายชื่อสายลับนับพันของหน่วย “เคจีบี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกสารฉบับคัดลอกที่ วาสิลี มิโตรฮิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยเคจีบีลอบทำขึ้น ซึ่งบัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุเชอร์ชิลล์
เอพี - เอกสารลักษณะคล้ายสารานุกรมที่เกี่ยวข้องกับแผนจารกรรมในยุคสงครามเย็น ที่ถูกซุกซ่อนไว้ในถังเก็บนม ใต้กระท่อมในชนบทของรัสเซีย ได้รับการเผยโฉมเป็นครั้งแรก

เอกสารดั้งเดิมที่เปิดโปงแวดวงข่าวกรองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เป็นต้นว่า ใครกำลังตามสอดแนมใครในโซเวียต ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ (7 ก.ค.) ภายหลังถูกเก็บซ่อนไว้มานานถึง 2 ทศวรรษ

แฟ้มเอกสารที่ วาสิลี มิโตรฮิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยเคจีบี ลอบนำออกจากแดนหมีขาวเมื่อปี 1992 มีเนื้อหาอธิบายแผนก่อวินาศกรรม, คลังอาวุธวางกับระเบิด และกองทัพสายลับที่แฝงตัวในชาติตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องราวในชีวิตจริงที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ตัวละครสายลับชาวโซเวียตในซีรีส์โทรทัศน์ “ดิ อเมริกันส์” หรือ ปฏิบัติการลับข้ามแดน
กองเอกสารที่ วาสิลี มิโตรฮิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยเคจีบี เสี่ยงตายลอบนำออกจากประเทศรัสเซียเมื่อปี 1992 และบัดนี้ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ ณ หอจดหมายเหตุเชอร์ชิลล์
ในความเป็นจริงแล้ว การเป็นสายลับชั้นยอดนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเอกสารชุดนี้เผยว่า มีบางส่วนได้รับการปูนบำเหน็จบำนาญจากสหภาพโซเวียตที่ตระหนักในคุณูปการที่พวกเขามีต่อประเทศ ขณะที่คนอื่นๆ ปากไม่มีหูรูด ขี้เมา และไม่น่าเชื่อถือ

คริสโตเฟอร์ แอนดรูว์ นักประวัติศาสตร์ด้านข่าวกรอง กล่าวว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของอังกฤษและสหรัฐฯ ได้พิจารณาว่า เอกสารจำนวนมหาศาล ซึ่งหอจดหมายเหตุเชอร์ชิลล์ แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์นำออกเผยแพร่ชุดนี้ว่าเป็น “แหล่งข่าวด้านข่าวกรองเพียงแหล่งเดียวที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

ทั้งนี้ มิโตรฮิน คือนักจดหมายเหตุระดับอาวุโสประจำสำนักงานด้านข่าวกรองต่างประเทศของเคจีบี ที่แปรพักตร์ลอบนำเอกสารเหล่านี้กลับไปคัดลอกที่บ้าน และจัดพิมพ์รวบรวมเป็นหมวดหมู่ โดยเขาได้นำเอกสารเหล่านี้ไปซ่อนในกระท่อมชนบท ขณะที่นำบางส่วนยัดลงไปในถังเก็บนม หรือนำไปฝัง

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 1991 มิโตรฮินได้เดินทางไปยังประเทศแถบทะเลบอลติก ที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นประเทศใด เพื่อส่งตัวอย่างเอกสารให้แก่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ แต่แล้วก็ถูกตีกลับมา เขาจึงลองไปที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ สถานที่ซึ่งนักการทูตรุ่นน้องเรียกเขาไปพบแล้วถามว่า “รับชาสักถ้วยไหมครับ”

แอนดรูว์ กล่าวว่า “ประโยคนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาไปเลย”

ภายหลังที่มิโตรฮินลักลอบหนีออกจากรัสเซีย เขาก็ใช้ชีวิตที่เหลือในอังกฤษ โดยเปลี่ยนชื่อและได้รับความคุ้มครองจากตำรวจ จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมือปี 2004 ด้วยวัย 81 ปี

วีรกรรมของมิโตรฮิลยังไม่ได้รับการประกาศให้โลกรู้ จนกระทั่งเมื่อปี 1999 แอนดรูว์ตีพิมพ์หนังสือที่มีเค้าโครงมาจากเอกสารของเขา วรรณกรรมเล่มนั้นได้สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้อ่านด้วยการเผยตัวตนของสายลับเคจีบีหลายคน ซึ่งรวมถึง เมลิตา นอร์วูด วัย 87 ปี หรือ “สายลับหญิงรุ่นทวด” ที่ช่วยโซเวียตล้วงความลับเรื่องระเบิดปรมาณูของอังกฤษมานานหลายปี

แฟ้มเอกสารลับของมิโตรฮิน ระบุว่า นอร์วูด เป็น “สายลับผู้ซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือ และเคร่งครัดในวินัย” ที่ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญจากการปฏิบัติภารกิจ

เธอเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากกว่า “สายลับเคมบริดจ์” ชื่อดัง ที่เป็นเจ้าหน้าข่าวกรองระดับสูงของอังกฤษที่ลอบทำภารกิจให้โซเวียต แฟ้มเอกสารชุดนี้ระบุว่า กาย เบอร์เกส ยังสามารถประพฤติตนได้ “อย่างคงเส้นคงวาแม้ว่าจะเมา” ขณะที่โดนัลด์ แมคลีน “เก็บความลับได้ไม่เก่งนัก”
สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2
เอกสารที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ยังรวมถึงรายชื่อสายลับเคจีบีราว 1,000 คน ที่แฝงตัวในสหรัฐฯ เมื่อช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งมีความยาวถึง 40 หน้า

หนึ่งในสายลับซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุด คือ โรเบิร์ต ลิปกา ที่ใช้นามแฝงว่า “แดน” เขาเป็นลูกจ้างสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ได้รับค่าจ้าง 27,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการล้วงความลับให้รัสเซียในช่วงทศวรรษ 1960 หลังจากอังกฤษส่งข้อมูลของมิโตรฮินให้แก่หน่วยงานข่าวกรองอเมริกัน ทั้งนี้ ลิปกาถูกจับกุมและจำคุกนานถึง 18 ปี

นอกจากนี้ เอกสารที่ถูกแบ่งเป็นหลายตอนชุดนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า สายลับโซเวียตได้ซุกซ่อนอาวุธและอุปกรณ์สื่อสารในสถานที่ลับทั่วประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งรวมถึงแผนที่กรุงโรมที่เผยตำแหน่งที่ตั้งคลังอาวุธ พร้อมทั้งคำอธิบายเพื่อการค้นหาโดยละเอียด แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของตะวันตกสามารถหาคลังแสงพบทั้งหมดกี่แห่ง

ขณะที่สายลับบางส่วนตั้งเป้าสอดแนมโลกตะวันตก แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ถูกส่งไปล้วงความลับจากชาติสมาชิกสหภาพโซเวียตด้วยกัน โดยเอกสารฉบับนี้ระบุรายชื่อสายลับที่ถูกส่งไปยังประเทศเชโกสโลวาเกียในสมัยนั้น เพื่อแฝงตัวไปกับกลุ่มหนอนบ่อนไส้ที่อยู่เบื้องหลังการลุกฮือซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ปราก สปริง” ของฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย เมื่อปี 1968 ขณะที่มีส่วนอื่นๆ คอยสะกดรอย คารอล วอยตีวา นักบวชชาวโปแลนด์ ซึงได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ในเวลาต่อมา โดยหน่วยเคจีบีเกิดความคลางแคลงว่า ว่าที่พระสันตะปาปามี “แนวคิดต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง”

หอจดหมายเหตุเชอร์ชิลล์ ได้อนุญาตให้คณะนักวิจัยเปิดกล่องบรรจุแฟ้มเอกสารภาษารัสเซียหลายพันแฟ้มทั้งหมด 19 กล่อง ซึ่งมิโตรฮินเป็นผู้จัดพิมพ์จากฉบับที่เขาคัดลอกด้วยลายมือ ขณะที่เอกสารฉบับคัดลอกก็ยังคงได้รับการจัดเรียงเป็นหมวดหมู่

แอนดรูว์ กล่าวว่า มิโตรฮินต้องเผชิญความเสี่ยงใหญ่หลวง เมื่อเขาทราบดีว่า “กระสุนนัดเดียว” จะพุ่งตรงมายังท้ายทอย หากเขาถูกจับได้

แอนดรูว์ ชี้ว่า “เอกสารเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเขามากเสียจน เขายอมนำชีวิตตัวเองไปแขวนบนเส้นด้าย”
หอจดหมายเหตุเชอร์ชิลล์ แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
กำลังโหลดความคิดเห็น