กษัตริย์ซาอุฯ ทรงประกาศจะกวาดล้าง “อิสลามิสต์” ในพระราชดำรัสเดือนรอมฎอน

รอยเตอร์ – สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบียทรงมีพระราชดำรัสต่อประชาชนเนื่องในวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน วานนี้ (28) โดยทรงประกาศจะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่กำลังเป็นภัยคุกคามต่อราชอาณาจักรซาอุฯ และประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกจะไม่ยอมอดทนอดกลั้นกับ “กลุ่มก่อการร้าย” แม้แต่กลุ่มเดียว

สำนักข่าวแห่งชาติซาอุดีอาระเบียได้เผยแพร่พระราชดำรัสดังกล่าว หลังจากเมื่อ 2 วันก่อนสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ทรงมีพระบรมราชโองการให้ใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นในการสกัดกั้น “ภัยก่อการร้าย” ที่อาจแผ่ลามจากสถานการณ์วุ่นวายในอิรัก ที่ซึ่งกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ได้บุกยึดเมืองสำคัญหลายแห่งไปจากการควบคุมของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นูรี-อัล มาลิกี ผู้นำซึ่งเป็นชาวชีอะห์

“เราจะไม่ยอมให้กลุ่มก่อการร้ายใดๆ ที่ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างเพื่อหวังผลประโยชน์ มาคุกคามสวัสดิภาพของชาวมุสลิมซึ่งได้รับการปกป้อง หรือมาแตะต้องดินแดนของเรา รวมถึงลูกหลานของเรา และผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่” พระราชดำรัสเนื่องในวันเริ่มต้นเดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ระบุ

ทางการซาอุฯ ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายอัลกอดิอะห์อย่างจริงจัง หลังจากสถานที่สำคัญและอาคารสำนักงานของต่างชาติในดินแดนซาอุฯ ตกเป็นเป้าหมายวางระเบิดและโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธ

รัฐบาลซาอุฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ถึงกับนั่งไม่ติด หลังจากที่กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์ (ISIL) ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่อื่นๆ ตลอดจนหัวหน้าชนเผ่า และลูกสมุนพรรคบาธของ ซัดดัม ฮุสเซน สามารถยึดครองหลายเมืองทางภาคเหนือและตะวันตกของอิรักได้ในเดือนนี้

ซาอุดีอาระเบียมีพรมแดนติดกับอิรักเป็นระยะทางราว 800 กิโลเมตร

ในฐานะที่เป็นแหล่งกำเนิดของศาสนาอิสลาม รัฐบาลซาอุฯ ยึดถือภารกิจในการปกป้องค่านิยมบริสุทธิ์ของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ และมองว่าอิหร่านซึ่งนับถือนิกายชีอะห์เป็นศัตรูตัวฉกาจในภูมิภาค